Story on HPV in MSM


Let’s join Adam’s Love Online StoryTelling Campaign and share our life stories with the world to make a significant contribution for #ForMenWhoLoveMen community!

Every participant Wins Great Prizes, Cheers!

Contact Channels:
LINE ID: @xto5254h


จากการใช้ชีวิตแบบชายรักชายในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องผ่านประสบการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยที่โลดโผน อยู่เช่นกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ที่อาจเป็นประโยชน์แก่หลายคนได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการป้องกันดีกว่าการแก้ไขอย่างแน่นอน

เมื่อ หลายสิบปีก่อนหน้านี้ ประสบการณ์ทางเพศของเราประเดิมด้วยการมีเพศสัมพันธ์แล้วถุงยางอนามัยแตก แตกแบบจริง ๆ จัง ๆ โดยที่เราเป็นฝ่ายรับ ช่วงเวลานั้นยังไม่มีนวัตกรรมที่เรียกว่า “ยาต้านฉุกเฉิน” แบบสมัยนี้ ทำให้ประสบการณ์ครั้งแรกของเราต้องลุ้นระทึกด้วยการรีบไปเจาะเลือด ซึ่งสมัยนั้นค่าตรวจแพงลิบลิ่ว และยังไม่มีหน่วยงานที่เรียกว่ารองรับการบริการกลุ่มชายรักชายมากมายเท่านี้ แต่อย่างไรก็ตามเคราะห์ดีที่ผลการตรวจออกมาเป็นลบ แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นก็สอนให้เราระวังตัวมากขึ้น

จะว่าไปไม่มี ครั้งไหนเลยที่จะมีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยกับเจล เพราะคิดว่ามันคุ้มกว่ามากมายนักที่จะตอนไปนั่งลุ้นผลเลือด หรือเวลาป่วยอะไรขึ้นมาจะได้ไม่ต้องนอยด์ประสาทกิน แล้วมันก็ดันมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้รู้ว่ามันคุ้มที่จะใช้ถุงยางอนามัย จริงๆ เรามีอะไรกับผู้ชายที่รับงาน ซึ่งก็มีการใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงขั้นตอน oral sex ด้วย ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานน้องคนนั้นก็ไลน์มาบอกว่าน้องไปตรวจเจอซิฟิลิสโดย บังเอิญ ตอนนี้กำลังรักษาอยู่ ไอ้เราก็ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มอีกแล้ว จากนั้นก็ไปตรวจยกชุดทั้งไวรัสตับอักเสบบี  HIV และ ซิฟิลิส สรุปว่าก็รอดปลอดภัยไปอีกรอบ

แต่มีอีกสิ่งหนึ่งก็คือ เรื่องของ HPV หรือตัวไวรัสที่ทำให้เกิดมะเร็งปากทวารหนัก อันนี้เราก็ไม่ทันจะได้ฉีดวัคซีนป้องกันเพราะว่า ตอนนั้นมีเพศสัมพันธ์ไปเรียบร้อยแล้วก่อนหน้าที่จะรับวัคซีน แต่เราก็เริ่มตรวจคัดกรองมาเรื่อย ๆ เป็นประจำทุกปี 6 -7 ปีติดต่อกันจนกระทั่ง ไม่นานมานี้ก็มีเจอ “ความผิดปกติ” บางอย่างหลังจากที่ตรวจไปแล้ว ให้ไปตรวจซ้ำ ซึ่งก็พบว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ด้านในที่อาจเป็นความเสี่ยงนำไปสู่ การเป็นมะเร็งได้ อันนี้ไม่รอเลยรีบรักษาด่วน ซึ่งโชคดีที่มันสามารถทำการรักษาก่อนที่มันจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งเต็มขั้น  ซึ่งการตรวจจริงๆ แล้วก็ไม่ยากเลย คือ ตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งพร้อมๆ กับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ การรักษาก็ไม่ได้ยากอะไร ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ทำแล้วกลับบ้านได้ ไม่เจ็บปวดอะไร ซึ่งอยากจะแบ่งปันว่า นอกเหนือจากการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ แล้ว “ขารับ” ทั้งหลายก็ควรจะต้องตรวจความผิดปกติของทวารหนักเป็นประจำด้วยทุกปี เพื่อป้องกันก่อนที่จะรักษาไม่ทัน

เรื่องโดย จอน

(อดัมส์เลิฟขอสงวนสิทธิ์เนื้อหาและเรื่องราวดังกล่าวเป็นประสบการณ์เฉพาะ บุคคลเท่านั้น และไม่สามารถทดแทนการตรวจ คำปรึกษา หรือการวินิจฉัยทางการแพทย์ได้ ผู้ใดมีข้อสงสัย ขอแนะนำให้ติดต่อสถานพยาบาลเพื่อรับบริการทางการแพทย์ และขอสงวนสิทธิ์ในการนำเนื้อหาบางส่วนหรือทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาต)