My Undetectable Story "1-2-3-Strong!"

1-2-3-Strong!

สวัสดีคับผมเป็นกลุ่มชายรักชายครับ วันนี้เรื่องที่จะเล่าเป็นประสบการณ์สำหรับผู้ที่มีเชื้อ HIV ว่า คุณคือคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนที่ไม่มีเชื้อ HIV เลย เพียงแค่ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง หรือง่ายๆ ว่า 1-2-3-Strong ทีมแม่ลูกเกดกล่าวไว้ 555 ไม่เกี่ยวกันเลย ปัจจุบันผมอายุ 30 ปีครับ ผมมีเชื้อและอยู่ในระบบการรักษาทั่วไปมา 1 ปีครึ่งได้แล้วครับ คำถามแรกติดเชื้อได้ยังไง เอาความจริง จำไม่ได้เหมือนกันครับ เพราะว่าตอนนั้นไม่รู้ว่าเราติดมาจากแฟนเรา หรือว่าเราไปติดจากคนอื่น แต่เอาเป็นว่าอย่ามาฟื้นฝอยหาตะเข็บกันเลย เรามาทำวันนี้เพื่ออนาคตที่ดี ส่วนอดีตที่ไม่ดี อย่าไปจดจำมัน ปกติผมเป็นคนที่ไปตรวจเลือดทุก 3 เดือนอยู่แล้วครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะต้องทำใจรับกับผลเลือดของเรา พอวันนั้นผมไปตรวจเลือดก็พบว่ามีเชื้อก็ทำใจไม่ได้นะครับ จำได้ว่าตรวจเจอเชื้อตอน 9 โมงเช้า หมอถามว่าจะเข้าสู่ระบบการรักษาเลยไหม ผมก็ตัดสินใจเข้าสู่ระบบการรักษาเลย หมอบอกสิ่งที่สำคัญเพียง 2 อย่าง คือ ต้องทานยาตรงเวลาตลอดชีวิต ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง แล้วก็อธิบายวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้น  แต่เรานะเศร้าซึมไปทั้งวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนประมาณ 6 โมงเย็นวันเดียวกัน เปิดรายการโทรทัศน์ The Face Thailand Season 2 เจอลูกเกด 1-2-3 Strong เท่านั้นแหละ หายเศร้าเป็นปลิดทิ้งเลย

    เล่ามาตั้งนานเหมือนจะมีแต่เรื่องดี แน่แหละมันต้องมีเรื่องแย่ๆ บ้าง เรื่องแรกเลย คือ เราจะต้องทานยาให้ตรงตามเวลาที่เรากำหนดไว้เป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดเลยก็ ว่าได้ ไม่ว่าจะทำอะไรยังไงเมื่อถึงเวลาก็ต้องกินยาครับ แล้วก็สนุกๆ ไปกับชีวิตทุกวันอย่าไปเครียดแค่นั้นจริงๆ ผมทานยาตรงเวลามาประมาณ 1 ปีครึ่ง ผมก็สามารถกดเชื้อให้ไม่สามารถไปติดคนอื่นได้เลย โชคดีที่ผมเจอเร็วแล้วก็รักษาเร็วแค่ปีครึ่งก็กดเชื้อได้แล้ว และมีเพื่อนคนที่สำคัญอีกคนที่เป็นกำลังใจให้เราและคอยดูแลเรา สอบถามเราอยู่เสมอๆ เรื่องการกินยา รวมทั้งแจ้งเตือนให้เราทานยาอยู่เสมอคือ Adam’s Love

    อีกอย่างที่ผมเสียใจมากเลยเมื่อรู้ว่าตัวเองมีเชื้อคือ ผมอยากไปทำงานที่โรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ผมได้ใบสัญญาจ้างทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ คือเอาเป็นว่าเขารับเราเข้าทำงาน แต่พอเขารู้ว่าผมมีเชื้อ HIV เขาก็ยกเลิกสัญญาจ้างนั้นทันที แต่การที่เราไม่ได้ทำงานที่นั้นมันทำให้เราได้งานอีกที่ ถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่าที่เราเคยหวังไว้เท่าที่แรก แต่เราก็ได้มีเวลาในการอยู่ครอบครัวของเรามากขึ้น ผมไม่คิดจะบอกว่าผมติดเชื้อ HIV กับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือว่าคนในครอบครัว เพราะไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง อยากบอกว่าแค่การกินยาให้ตรงเวลาเท่านั้นจริงๆ ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายเหมือนคนทั่วไป พอร่างกายของเรามี CD4 ที่เยอะแล้ว ร่างกายของเราก็จะสามารถต่อต้านกับเชื้อโรคได้ ทุกครั้งที่เรามีนัดไปรับยาเพิ่ม เราควรจัดเวลาไปรับให้ได้ตามเวลาที่หมอนัด หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เลื่อนหมอให้เราสามารถไปรับยาก่อนสัก 1 อาทิตย์ เพราะถ้าเราขาดยาไปแม้แต่วันเดียวเนี่ยเรื่องใหญ่เลย เดี๋ยวเชื้อดื้อยาจะหาว่าไม่เตือนนะ แต่ถ้าเรากินยาตรงเวลาเราก็สามารถกดเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ การที่มีเชื้อ HIV ทำให้เราหันมาดูแลสุขภาพเรามากยิ่งขึ้น จากแต่ก่อนที่ไม่เคยได้ออกกำลังกาย ก็มาออกกำลังกายบ่อย ๆ อาหารที่ไม่ดีก็ละทิ้งไปเช่น เหล้า+บุหรี่ ที่สำคัญเราต้องบริหารจิตใจเราให้มีความสุข อย่าเครียด อย่าซึมเศร้า พูดง่ายนะ แต่เวลาทำจริงยากมาก ช่วงประมาณ 1-2 เดือนแรกที่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อเนี่ย แทบจะบอกได้เลยว่าเป็นโรคซึมเศร้าเลยก็ว่าได้เวลาที่ต้องอยู่ในห้องคนเดียว เวลาฟังเพลงเศร้าๆ ร้องไห้ทุกครั้ง แต่เมื่อเราผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วพอเราทำใจได้แล้ว หรือความเศร้ากำลังจะกลับมา เราก็ต้องทำในสิ่งที่เราสนุกหรือโทรหาพ่อแม่ขอกำลังใจจากท่าน เพื่อที่ว่าเราจะได้ลืมช่วงเวลาเศร้า เพราะถ้าจิตใจเราเศร้า ร่างกายเราก็จะเศร้าตาม ผมโชคดีด้วยที่ไม่ได้เจอโรคแทรกซ้อนเลยตั้งแต่ทานยาต้านไวรัส

    อย่างที่บอกว่าถ้าเจอเร็วก็รักษาได้เร็ว มีความสุขได้เร็ว อยากให้สังคมให้โอกาสผู้ติดเชื้ออย่างผมได้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ให้ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองมีความถนัดใฝ่ฝันที่จะได้ทำ ไม่ใช่ว่าพอเห็นว่าเป็นผู้ติดเชื้อแล้วก็ไม่ให้โอกาส อยากขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีเชื้อ HIV ให้ทุกคนต้องดำเนินชีวิตต่อไป

เรื่องโดย ปุ้มปุ้ย



My Undetectable Story,  #MyUStory,  is a peer-led technology-based initiative by Adam's Love Global Foundation for MSM and Transgender Health (ALGO) for HIV-positive Thai MSM.

The programme highlights real-life stories of  Thai MSM living with HIV and enrolled in Adam's Love We Care  programme and reflects on their journey and how they successfully achieved an undetectable viral load. Through these stories the initiative aims to engage and motivate newly diagnosed MSM to achieve an undetectable viral load while optimizing technology-based support.

Read more at http://myundetectablestory.org/