|
ซิฟิลิส ในชายรักชายDr. Yogi from Bali Medika explains about Syphilis, a sexually transmitted infection common among the MSM. ซิฟิลิส คืออะไร เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Treponema pallidum เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกเช่น ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ปาก เยื่อบุตา หรือทางผิวหนังที่มีแผล เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้ากระแสเลือดและไปจับตามอวัยวะต่างๆทำให้เกิด โรคตามอวัยวะ โรคนี้แบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่ • Primary (ระยะแรก) • Secondary (ระยะที่สอง) • Latent (ระยะแฝง) • Tertiary (or late) ระยะสุดท้าย คนเราติดเชื้อโรคนี้ได้อย่างไร ทางเพศสัมพันธ์ • เชื้อโรคสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ • เชื้อโรคจะติดต่อได้บ่อยในระยะ primary เนื่องจากระยะนี้จะไม่มีอาการ • ในระยะ secondary จะมีหูดระยะนี้จะมีเชื้อโรคปริมาณมากหากสัมผัสอาจจะทำให้เกิดการติดต่อ --------------------------------------------------------------------------------------------- อาการของโรค ซิฟิลิสระยะแรก ในระยะแรก รอยโรคจะปรากฏเป็นแผลริมแข็ง Chancre ซึ่งจะมีลักษณะที่สำคัญดังนี้ • หลังจากได้รับเชื้อ 10-90 วันจะมีตุ่มแดงแตกออกเป็นแผลที่อวัยวะเพศตรงบริเวณที่เชื้อเข้า • แผลมักจะเป็นแผลเดียว ไม่เจ็บ ขอบนูน ต่อมน้ำเหลืองจะโตกดไม่เจ็บ • ตำแหน่งที่พบได้บ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด ริมฝีปาก • แผลจะอยู่ 1-5สัปดาห์แผลจะหายไปเอง • แม้ว่าแผลจะหายไปแต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในกระแสเลือด • สำหรับผู้ที่เป็นโรคเอดส์ และมีขนาดใหญ่และมีอาการเจ็บมาก • การตรวจเลือกในช่วงนี้อาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30 ซิฟิลิส ระยะที่สอง • ระยะนี้จะเกิดหลังได้รับเชื้อ 17วัน- 6 เดือน • ผู้ป่วยจะมีอาการอยู่ประมาณ 2-6 สัปดาห์แล้วจะหายไปแม้ว่าจะไม่ได้รับการรักษา • ต่อมน้ำเหลืองโต • ปวดตามข้อเนื่องจากข้ออักเสบ อาการที่สำคัญมีดังนี้ • มีผื่นสีแดงน้ำตาลที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ไม่คัน • ผื่นนี้สามารถพบได้ทั่วตัว • จะพบหูด Condylomata lata บริเวณที่อับชื้น เช่นรักแร้ ทวารหนัก ขาหนีบ • จะพบผื่นสีเทาในปาก คอ และปากมดลูก • ผมร่วงเป็นหย่อมๆ • ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบาย • อาการเหล่านี้จะอยู่ได้ 1-3 เดือนหายไปได้เอง และอาจจะกลับเป็นซ้ำ • การตรวจเลือดในช่วงนี้จะให้ผลบวก ระยะแฝง • ช่วงนี้ผู้ป่วยไม่มีอาการของโรค ช่วงนี้กินเวลา 2-30 ปีหลังจากได้รับเชื้อ • ในช่วงนี้จะทราบได้โดยการเจาะเลือดตรวจ • ในระยะนี้อาจจะเกิดผื่นเหมือนในระยะ Secondary Syphilis • ในระยะนี้หากตั้งครรภ์ เชื้อสามารถติดไปยังลูกได้ ระยะสุดท้าย • ระยะนี้จะกินเวลา 2-30 ปีหลังได้รับเชื้อ • ระยะนี้เชื้อโรคจะทำลายอวัยวะต่างๆเช่น หัวใจและหลอดเลือด สมองทำให้อ่อนแรงหรืออาจจะตาบอด กระดูกหักง่าย • หากไม่รักษาให้ทัน อวัยวะต่างๆจะถูกทำลายโดยที่ไม่สามารถกลับเป็นปกติ • การตรวจเลือดอาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30 --------------------------------------------------------------------------------------------- ทำไมชายรักชายต้องให้ความสำคัญ เป็นเวลายาวนาน ที่การเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อโรคซิฟิลิสมากขึ้น ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายงานจากจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เพิ่มสูงนั้น ส่วนหนึ่งระบุว่า การมีเชื้อซิฟิลิสในร่างกาย จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี --------------------------------------------------------------------------------------------- จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นซิฟิลิส การตรวจวินิจฉัยโรคนี้สามารถทำได้โดยการนำหนองจากแผล หรือเลือดไปตรวจหาตัวเชื้อ การตรวจเชื้อทำได้โดย >>>>Darkfield Exam<<<< • การตรวจทำไดโดยการน้ำเหลืองจากแผลหรือผื่นที่สงสัยไปตรวจ • นำน้ำเหลืองนั้นไปส่องกล้องเพื่อหาตัวเชื้อ • การตรวจนี้สามารถวินิจฉัยได้ทั้งระยะ Primary Syphilis และ Secondary Syphilis >>>>การตรวจเลือด<<<< • การเจาะเลือดตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิสทำได้ 2วิธีคือ • การเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส ได้แก่การเจาะ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) หรือ RPR (Rapid Plasma Reagent) หากให้ผลบวกต้องเจาะเลือดอีกเพื่อยืนยันการวินิจฉัย • การเจาะเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโดยการเจาะ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption Test) หรือ MHA-TP (Microhemagglutination-Treponema Pallidum) ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เคยเป็นซิฟิลิสมาก่อนอาจจะให้ผลบวกหลอกโดยที่ไม่เป็นโรค • Cerebrospinal Fluid Test การตรวจน้ำไขสันหลังจะทำในรายสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อในระบบประสาท --------------------------------------------------------------------------------------------- ความเกี่ยวข้องระหว่างซิฟิลิสกับเอชไอวี การเจ็บหรือมีแผลเป็นที่อวัยวะเพศ จะเป็นสาเหตุให้ง่ายต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะทำให้ผิวหนังของเราแสบ เป็นแผล และทำให้มีเลือดออกง่ายขึ้น และเมื่ออวัยวะเพศของเราสัมผัสกับช่องปากและอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ก็ จะทำให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย --------------------------------------------------------------------------------------------- การรักษาโรคนี้ต้องทำอย่างไร • ยาที่ใช้รักษาคือ Penicillin • การรักษาต้องรักษาทั้งคู่ • หลังจากรักษา 6 เดือนต้องตรวจซ้ำหลังจากนั้นตรวจทุกปี การกลับมาของโรค การเป็นซิฟิลิสไปแล้วก็สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ วิธีการเดียวที่จะมั่นใจได้ว่าผู้นั้นมีเชื้อซิฟิลิสหรือไม่โดยการตรวจจาก ห้องแล็บ เพราะเชื้อนี้อาจซ่อนอยู่ในอวัยวะเพศหรือในปาก และไม่ปรากฏอาการ ดังนั้น การตรวจซ้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็น เราจะป้องกันซิฟิลิส ได้อย่างไร วิธีที่ชัวร์ที่สุดคือ การป้องกันการแพร่เชื้อซิฟิลิสจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน นอกจากนี้ การงดแอลกอฮอล์และสารเสพติด ก็จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อโรคได้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันได้ ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่ ช่องทางเหล่านี้ ข้อมูลจาก www.siamhealth.net |