|
การเดินทางจากมิลานสู่ภูเก็ตมาร์โก้ (นามสมมติ) การเดินทางจากช่างภาพเวทีแฟชั่นในมิลาน มาสู่อาจารย์สอนดำน้ำที่ภูเก็ต "เอชไอวี ไม่ได้แค่ต้องการการดูแลทางร่างกาย แต่ยังต้องการการดูแลทางจิตใจอีกด้วย" จะว่าไปแล้ว เรื่องมันยาวมากเลยล่ะ เริ่มตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่มิลาน ประเทศอิตาลีเลยละกัน ผมรู้ตัวเองว่าสนใจเพศเดียวกันมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบแล้วพร้อมกับเพื่อนในห้องอีกคนหนึ่ง แล้วผมก็เติบโตมาด้วยความสนใจด้านการถ่ายภาพอย่างเต็มเปี่ยม จากนั้น จึงเลือกเดินในสายอาชีพช่างภาพแฟชั่น ที่มิลาน จวบจนเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ชีวิตผมเริ่มแย่ลง ผ่านความกดดันต่างๆ นานา ทำให้ผมเลิกใส่ใจตัวเอง ใส่ใจสุขภาพ แล้วหันไปเสพยาหลายแขนงเลยล่ะ และหลังจากกลับจากการเดินทางในสหรัฐอเมริกา ผมกลับสู่ยุโรปบ้านเกิด ผมยังจำคืนนั้นได้ดีเลย เมื่อเพื่อนคนหนึ่งให้ยาเม็ดกับผม แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ามันคือยาอะไร แต่คลับคล้ายยาอี ผมกินทันที โดยไม่หยุดคิดสักนิด และจุดมุ่งหมายของการมาเจอกันในคืนนั้นก็เพื่อจะมีเพศสัมพันธ์อย่างอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่เราเมายา ผมย่อมอยากจะหลั่งในอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่า ค่ำคืนนั้น เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมทั้งชีวิต หลังจากนั้น สองสามอาทิตย์ต่อมา ผิวพรรณเริ่มดูผิดปกติ มีเม็ดมีผื่นขึ้นตามตัว และยังมีไข้ และอุณภูมิในร่างกายขึ้นสูง โชคดี ที่อิตาลีมีโรงพยาบาลที่ดูแลดีมากๆ และมีแพทย์ที่มีความรู้มาตรวจผม ในวันแรก ผลตรวจเลือดออกมาเป็นลบ แต่วันต่อมา ดูเหมือนมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และในวันที่สาม ผลจึงออกมาคอนเฟิร์มว่า ผมมีเชื้อเอชไอวี และไม่มีสิ่งใดที่จะมาเปลี่ยนความจริงอันนี้ได้ โลกทั้งโลกแทบทลายเมื่อรู้ว่าผลเป็นบวก และไม่รู้เลยว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ช่วงแรกๆ มันน่ากลัว ที่จะต้องทานยาต้านไวรัส (ARV) และเผชิญกับผลข้างเคียงเพราะร่างกายไม่ชิน และมันทำให้ผมแทบบ้า ทั้งอาเจียน ท้องเสีย ทานอะไรไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี ผมอยากจะบอกว่า สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากการมีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย นี่คือสิ่งที่ผมถือว่า มันเป็นโอกาสครั้งที่สองที่พระเจ้าให้กับผม และให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป มันไม่ใช่ความตายหรอกที่มาเยือน แต่มันเป็นการเกิดใหม่ เป็นโอกาสที่ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติต่อชีวิต ความรัก และเซ็กซ์ ถ้าผมยังอยากจะมีชีวิตอยู่ เชื่อมั้ยว่า เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว และเปลี่ยนพฤติกรรม ปริมาณไวรัสในเลือดผมน่ะ หล่นลงจาก 780,000 เหลือเพียง 78 ภายใน 1 เดือนหลังทานยาต้านเลยล่ะ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมไปทำงานที่อียิปต์ ที่ที่ผมจะต้องทนอย่างแสนสาหัส ต่อสังคมที่ตีตราและกีดกันทั้งชายรักร่วมเพศ และเอชไอวี ผมจึงตัดสินใจย้ายมาที่ที่ผมสามารถอยู่ได้อย่างสงบ และที่แรกที่ขึ้นมาในความคิดคือ ประเทศไทย ที่ซึ่งผู้คนมีจิตใจดี และรับได้ในสิ่งที่คุณเป็น ผมมาเริ่มชีวิตใหม่ ด้วยการเป็นครูสอนดำน้ำ ที่ภูเก็ต จนมาถึงตอนนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ผมได้พบกับแฟนของผมในอาทิตย์แรกที่มาถึงเมืองไทยเลย เมื่อผมพบเขา มีสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นและสะเทือนใจ และนั่นคือความละเลยของวัยรุ่นในสังคมไทยเกี่ยวกับเอชไอวี เมื่อผมบอกเขาว่า ผมมีเชื้อเอชไอวี ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะตอบผมอย่างไร แต่เมื่อเขาถามผมว่าทำไมผมถึงบอกเขา ผมเลยบอกว่า ก็เพราะผมรักเขาและอยากให้เขาได้รู้ เพื่อที่อีกคนจะได้ป้องกันตัวเอง และไม่ติดไปด้วยเพราะความละเลยและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น เราทั้งสองจึงมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นชนิดน้ำทุกครั้ง สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับเอชไอวีที่คุณต้องรู้และดูแลร่างกายตัวเองคือ ร่างกายของเราจะสูญเสียไขมัน ดังนั้น คุณจึงต้องออกกำลังกาย และสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาแทน ผมทานอาหารไทยและอิตาเลียน แต่ต้องหลีกเลี่ยงของทอดและไข่ เพราะตับของผมอ่อนแอหลังจากการทานยาต้าน ผมเลือกทานปลา ข้าว และผักเยอะๆ แน่นอน ผมไม่เคยที่จะลืมทานยาต้านไวรัสทุกวันตรงเวลา ซึ่งมี 3 เม็ดต่อวัน หนึ่งในนั้นมี Truvada ด้วย ผมรับยามาจากอิตาลี และพกมาเยอะเลยล่ะ อีกอย่างคือ ยาเก่าๆ หลังจากทานมาสักระยะมันจะเริ่มดื้อยาหากขาดวินัย เพราะไวรัสจะเปลี่ยนตัวตลอดเวลา นี่สำคัญมากนะ เพราะเมื่อไวรัสเริ่มกลายพันธ์ หรือดื้อยาแล้วมันจะทนทานต่อยาต้านทำให้ยาไม่ได้ผล ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ผมเปลี่ยนยามากว่า 4-5 ครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่ทานตรงต่อเวลานะ แต่ว่าเป็นเพราะผลข้างเคียงต่างหาก ผมเป็นคนไม่สูบบุหรี่ และดื่มเหล้า และไปออกกำลังกายทุกวัน จะว่าไปแล้ว ชีวิตผมเปลี่ยนไปเลยล่ะ ผมกลายเป็นคนมีความรับผิดชอบในทุกๆ เรื่อง นอกจากนี้ ไวรัสเอชไอวีในแถบเอเซีย จะต่างจากอเมริกา แอฟริกา และยุโรป สายพันธ์ุในเอเซียและแอฟริกา จะแรงกว่าอื่นๆ เลยล่ะ ดังนั้นผมจึงต้องระวังเป็นพิเศษเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ หรือการอักเสบ เพราะจะทำให้ต้องควบคุมไม่ให้ไวรัสใหม่ๆ เข้าสู่ร่างกาย ตอนนี้ ผมมีความสุขกับชีวิต และผมเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า ผู้คนที่มีเอชไอวีสามารถอยู่ได้อย่างแข็งแรง และมีชีวิตยืนยาว เหมือนคนที่ไม่มีเชื้อ ผมสนุกกับงานที่ทำในฐานะครูสอนดำน้ำมากๆ และแน่นอน ผมรักชีวิตของผม ทีมงานอดัมส์เลิฟ ขอขอบคุณคุณมาร์โก้ เป็นอย่างสูง สำหรับเรื่องราวและทัศนคติเชิงบวก ปัจจุบันนี้ คุณมาร์โก้ อายุ 46 ปี และมีความสุขอยู่กับแฟนของเขาที่ภูเก็ต |