ความคิดต่อความสัมพันธ์ในเพศเดียวกัน


โดย เกรกอรี่ คาร์ล

การสื่อสารที่ดี - กุญแจที่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี

การสื่อสารที่ดีระหว่างคุณและคู่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จักตัวเองและคู่ของคุณดีแค่ไหน คุณต้องใช้เวลาคิดและไตร่ตรอง เกี่ยวกับความต้องการ ความคาดหวัง ความสงสัย ความกลัว และความฝันของคุณ และทั้งหมดที่ว่านี้ มันจะเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา ดังนั้น การตระหนักในตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายเสมอ การแลกเปลี่ยนประวัติและเรื่องราวส่วนตัว และพยายามทำความเข้าใจว่า คุณเป็นคนอย่างไร จะสามารถช่วยในเรื่องการสื่อสาร ความเข้าใจ และช่วยประคับประคองความสัมพันธ์ไปได้ดีอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ เมื่อการสื่อสารเป็นส่วนผสมที่สำคัญในความรักและความสัมพันธ์แล้ว ดังนั้น ทำให้แน่ใจอยู่เสมอว่า เรามีการสื่อสารที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ เวลาที่คุณจะสื่อสารกับการจะสื่อสารอะไร และอย่างไรนั้น สำคัญมากพอๆ กันเลย ถามตัวเองและคู่ของคุณ ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะนั่งคุยกันเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ เพราะมันจะมีเวลาที่ทั้งคุณและเขาก็ไม่อยากจะคุยเรื่องประเด็นเหล่านี้บ้าง ซึ่งมันไม่เป็นไรหรอก เราควรจะเคารพสิทธิ์นั้นๆ ของกันและกัน นอกจากนี้ ความเงียบก็เป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์เหมือนกัน แต่อย่าใช้ความเงียบมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่คุยกันเสียล่ะ พยายามหาเวลาที่เหมาะสม ความลับของการสื่อสารที่ดีมีอยู่ว่า การตระหนักในการเรียนรู้ซึ่งกันและกันนั้น เป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน อาจทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ และในทุกๆ วัน เราอาจจะได้เห็นหรือค้นพบสิ่งใหม่ๆ และโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้น การคุยกับคู่ของคุณจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ว่าการได้รู้ความสึกของอีกฝ่ายนั้นว่าสำคัญแค่ไหน และรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ในขณะเดียวกัน คุณก็อยากให้เขารู้ว่าคุณคิดและรู้สึกอย่างไรด้วยเช่นกัน

บางครั้ง มันยากนะ ที่จะแสดงและอธิบายทุกสิ่งอย่าง ให้กับแฟนของคุณเข้าใจ และบางทีมันก็อาจเป็นเรื่องยากที่คู่ของคุณจะทำเช่นเดียวกันในการเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดทั้งหมด และให้เราเข้าใจได้อย่างหมดจด แต่อย่าเพิ่งหมดหวังหรือล้มเลิกล่ะ การสื่อสารที่ดีมันยาก และต้องอาศัยเวลาที่จะเรียนรู้ว่าจะสื่อสารอย่างไร ปลดปล่อยตัวเองให้ลองผิดลองถูกบ้างก็ได้ ใช้ประโยคเช่น "ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมจะพูดได้อย่างที่ใจคิดหรือไม่นะ แต่ก็จะลองดูละกัน ..." การสื่อสารเพื่อหาความเข้าใจนั้น ถึงมันจะไม่มีแบบแผนประโยคแบบขาวดำขนาดนั้นหรอกในชีวิตจริง แต่ในความสัมพันธ์ ทุกคู่จะต้องช่วยกันและกันในการเปิดเผยตัวตนของเขา และฟังเขา เพื่อนำไปสู่การสื่อสารที่ดีขึ้นๆ ไป แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสะดวกใจในการเผยความรู้สึก ความปรารถนา และปัญหาของเขา ดังนั้น บางทีการมีผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ก็สามารถแก้ปัญหายากๆ ได้ และก็ยังช่วยให้เรามีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้นด้วยไปตลอดความสัมพันธ์ของเรา แม้ว่า เพศสัมพันธ์จะสำคัญและถือเป็นรากฐานหลักของทุกความสัมพันธ์ (หรือในบางกรณี มันอาจเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ด้วยก็เป็นได้) ดังนั้น กุญแจของการมีเพศสัมพันธ์ที่ดีและมีความสุขก็คือการสื่อสารนั่นเอง คู่รักทุกคู่ ควรจะรู้ว่าอะไรที่กันและกันชอบ และไม่ชอบ การคุยกันเรื่องเซ็กซ์สามารถเกิดขึ้นได้ บางทีอาจจะก่อน ระหว่าง หรือหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ก็ได้ และมันไม่จำเป็นต้องเป็นการแสดงออกทางคำพูดอย่างเดียวนะ ถ้าคุณมีข้อสงสัยอะไรที่อยากถามแฟนของคุณ หรือมีอะไรที่คุณชอบหรือไม่ชอบ ก็บอกเขาไปเลย

คนเรามักจะไม่ยอมพูดเรื่องสำคัญๆ จนกว่าเราจะถึงที่สุด คุณอาจจะคิดว่าคุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอบอกว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณแค่คิดไปเองว่าคุณรู้นะ ยกตัวอย่าง คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนดูเหมือนจะรู้ไปเสียหมดว่าคู่ของเขาไปมีอะไรกับคนอื่น ขณะที่อีกคนก็คิดว่าเขานั้นซื่อสัตย์หรือเปล่าล่ะ ดังนั้น เมื่อหาเวลาที่ดีที่สุดที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดได้ ก็ลองเปิดประเด็นด้วยวิธีเหล่านี้
  • รู้เร็ว ดีกว่า รู้ช้า ถ้าไม่อย่างนั้นคุณอาจจะพบว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับ "สิ่ง" ที่กลายมาเป็นปัญหา
  • อย่าพูดเมื่ออยู่ในช่วงของการทะเลาะกัน เพราะคุณอาจจะมีสิ่งสำคัญที่จะต้องพูดเมื่ออยู่ในช่วงเถียงกันหรือหลังจากที่คุณตวาดใส่เขาก็เป็นได้
  • คุยกันตอนอยู่ลำพัง ย่อมดีกว่าต่อหน้าสาธารณะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบการมีผู้ชมผู้ฟังนะ
  • พูด ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
  • สิ่งสวยๆ งามๆ รอบตัวก็อาจจะช่วยได้ พยายามเลือกสิ่งแวดล้อมที่ดูดี ที่จะให้คุณมีพื้นที่ส่วนตัว และมันอาจทำให้เราเริ่มบทสนทนาได้ง่ายขึ้น ด้วยการเลือกวันและเวลาที่เขาอารมณ์ดีน่ะ
  • ถ้าคุณหรือทั้งคู่ มีแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดอยู่ในร่างกายขณะนั้นล่ะก็ รอก่อน รอจนกว่ามันจะหมดฤทธิ์แล้วค่อยคุยกัน คุณคงไม่อยากพูดอะไรแล้วเสียใจหรือทำให้สถานการณ์มันแย่ลงใช่มั้ย
ความสัมพันธ์แบบเปิด หรืออิสระ เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นหรือ?

ผู้ชายหลายต่อหลายคนรู้สึกว่า การมีความสัมพันธ์แบบเปิด หรือรักสนุกไม่ผูกมัดเนี่ย เป็นค่านิยมอย่างหนึ่งในสังคมเกย์ ซึ่งมันไม่จริงเลยนะ มีหลายคู่ที่เขามีความสัมพันธ์แบบยืดยาว หรือแบบผัวเดียวเมียเดียวนะ คุณอาจจะไม่ค่อยเห็น เพราะเขาก็ไม่ได้ต้องการจะปรากฏตัวให้เกย์ซีนสักเท่าไหร่นักหรอก ทว่า คุณและคู่ของคุณต้องการจะคบกันอย่างไร นั่นก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่การคุยกันระหว่างคนสองคน ดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้รู้ว่าอะไรที่จะเวิร์คกับคุณทั้งคู่

หลายครั้งที่เราปรารถนาสิ่งที่แตกต่างกันไปจากความสัมพันธ์ บางความสัมพันธ์ก็อาจจะเป็นแบบรักเดียวใจเดียวเหนียวแน่น หรือบางคู่ก็อาจจะเป็นแบบ "เปิด" คือมันอาจจะมีหลากหลายเหตุผลว่าทำไม แฟนคนนึงจะอยากมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในขณะที่อีกคนกลับโอเคกับสิ่งที่เป็นแล้ว เพราะบางทีความปรารถนาทางเพศของเขามีมาก หรือบางทีเขาอาจจะมองหาสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากเซ็กซ์ก็เป็นได้

ถ้าคุณเป็นคนนึงที่กำลังค้นหาว่าคู่ของคุณเป็นอย่างไร ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะยกประเด็นนี้มาคุย ทั้งคุณและคู่ควรจะสามารถคุยกันได้ ว่าทำไมถึงปรารถนาที่จะออกไปมีอะไรกับคนอื่น และผลกระทบของการกระทำนี้ที่มีผลต่อความสัมพันธ์ของคุณทั้งสอง พยายามเน้นถึงสิ่งรอบด้านอื่นๆ ว่าคุณทั้งสองนั้น ต่างแชร์กันในสิ่งที่คนอื่นไม่อาจจะให้ได้ แล้วก็แสดงให้ชัดเจนไปเลยว่าคุณแคร์เขามากแค่ไหน และเขามีความหมายแค่ไหนต่อคุณ การฟังความต้องการของเขาและพิจารณาทุกๆ ทางเลือกที่เขาให้ นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความต้องการความเชื่อมั่นและความสำคัญในชีวิตคู่นั้นเป็นสิ่งจำเป็น จะว่าไป ความสัมพันธ์ก็เหมือนๆ กับสวนนั่นแหละ หากเราไม่หมั่นดูและรดน้ำ พืชผลก็จะเฉาและตายไปในที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องสุขภาพที่สำคัญด้วย หากใครคนหนึ่งหรือคุณทั้งคู่มีแผนที่จะไปมีกิ๊ก เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างหนองใน หรือหูด สามารถติดต่อกันได้ แม้จะใส่ถุงยางอนามัยก็ตาม! โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจจะเกิดจากการสัมผัสทางผิวหนัง อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือคอ หากมีการเสียดสี อักเสบ หรือเลือดออก และสิ่งเหล่านี้แหละที่จะทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าสู่เส้นเลือด และจะทำให้เราเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวี ใช้ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น และหมั่นตรวจเช็คสุขภาพทางเพศ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะต้องจำไว้เลยหากเราคิดจะมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการเจรจากันต่อรองในการการมีความสัมพันธ์แบบเปิด มันก็มีหลายอย่างที่ต้องพิจารณาด้วยเหมือนกัน มีเกย์หลายคนที่อยากมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นสักครั้ง เพราะไฟรักของเขากับแฟนเริ่มจะมอดลงละ ทำให้การมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นถูกมองเป็นเรื่องผิด แล้วก็เป็นสัญญาณของการปิดฉากความสัมพันธ์ เกย์มักจะโหยหาเซ็กซ์เพื่อเหตุผลต่างๆ นานา ตั้งแต่ใกล้กันมากกันไป หรือแค่สนุกๆ ขณะที่อีกคนอาจจะโกรธ ว่าแฟนเราไปมีสัมพันธ์แบบสนุกๆ กับคนอื่นเพื่อเหตุผลจากการใกล้กันมากเกินไป (เราก็จะบอกว่า "ทำไม ในเมื่อเขาก็สนุกแบบนี้ที่บ้านก็ได้นี่") แต่บางครั้งมันก็มีบางอย่างที่ความสัมพันธ์แบบผูกมัดที่คู่ของเราไม่สามารถให้ได้

ไม่ว่าความสัมพันธ์จะยืนยาว หรือดีแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปว่า "การไม่รู้" จะกลายมาเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญ หรือจะรู้ได้เมื่อรักกันใหม่ๆ ผู้ชายบางคนอาจจะต้องการความสนุกสนานและตื่นเต้นกับการเป็นผู้ล่า หรือบางคนอาจจะอยากเอาเป็นผู้พิชิตในโลกของเซ็กซ์ก็เป็นได้ หรือบางคนอาจจะกำลังอินกับวาไรตี้หรืออะไรก็ตามแต่ในการมีเพศสัมพันธ์ที่คู่ของเขาให้ไม่ได้หรือไม่ได้เป็น

การต้องการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ใช่สัญญาณหลักของการไม่ต้องการกันและกันอีกต่อไป และก็ไม่ใช่การหาอะไรแทนที่ในทุกๆ ด้านของความสัมพันธ์ที่คุณทั้งสองมีต่อการ

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งหนึ่งของการคบกันนั้น คือต้องการกันและกัน แต่มันอาจจะเป็นแค่อะไรสนุกๆ ที่คู่ของคุณอยากได้ เขาอาจจะชินกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกับผู้ชายคนอื่นๆ ซึ่งนั่นคือส่งที่เขาไม่สามารถได้จากความสัมพันธ์แบบผูกมัด ลองถามตัวเองดูว่า ถ้าคุณสามารถยอมให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือคุณรู้สึกอย่างไร

คนต่างๆ กัน ก็มีความต้องการทางเพศที่ต่างกันไปในหลายๆ ช่วงเวลา ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ เซ็กซ์มันจะมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ บางทีพวกคุณอาจจะมีเพศสัมพันธ์กับสามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจจะคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกดีใกล้ชิดกันและกัน ขณะที่อีกฝ่ายกลับคิดว่า "หวังว่าอารมณ์รักขนาดนี้จะหมดลงหลังจากนี้นะ" ถ้าคุณทั้งคู่ไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนตัวตนอย่างสมบูรณ์ล่ะก็ ไม่คุณก็เขาอาจจคิดว่าบางทีการเลิกกันมันอาจจะเป็นทางออกก็ได้

ความหึงหวง แน่นอน นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ความหึงหวงอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักให้ความสัมพันธ์ปิดฉากลงก็ได้ เราควรจะมองหาความซื่อสัตย์ไว้จะดีกว่า มันก็ไม่ผิดหรอกนะหากเราจะรักใครสักคนมากๆ แต่การที่จะควบคุมเขาไปเสียหมด มันไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่

มันมีหลากหลายวิธีมากที่จะคุณจะมีความสัมพันธ์แบบเปิด แม้แต่การหาอะไรที่เหมาะกับคุณมันก็คือการลองผิดลองถูกดีๆ นี่เอง มันอาจจะทำให้เจ็บบ้างบางครั้ง แต่ถ้าคุณทั้งคู่ชินกับมันแล้ว มันอาจจให้ผลที่ดีที่สุดต่อคุณก็ได้

มันมีความหลากหลายทางความต้องการมากมายที่คุณจะต้องพบเจอ หรือปรารถนาที่จะได้จากความสัมพันธ์ ลองคุยกันถึงสิ่งที่คุณคิดว่ามันดีจากประสบการณ์ชองคุณ บางคนอาจจะมัวแต่ยึดอยู่กับความซื่อสัตย์และอยากจะรู้ลึกในทุกรายละเอียด บางทีบางคนก็เจ็บปวดมากกับความซื่อสัตย์ในอดีตของเขา และต้องการจะปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกไป และเขาก็เลือกที่จะไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมาของคู่ของเขา คุณอาจจะอยากคุยและตกลงกันว่ามีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีการตกลงกัน หรืออาจจะเป็นแค่ชั่วคราว เป็นนิรนาม หรือแค่ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย แบบในซาวน่า ก็มีแค่เซ็กซ์แต่ไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งหมดนี้มันเป็นการคุยกันแบบ เปิด หรือ แบบไม่ต้องถามไม่ต้องบอก หรือจะบอกบางส่วน หรือบอกหมดก็ได้

นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆ ให้ต้องคิดอีก ลองฟังคำแนะนำเหล่านี้ดู
  • คนที่มีกิ๊กอาจจะอยากคิดว่าเขาจะบอกคู่ของเขาเรื่องนี้อย่างไร (การคิดไว้ล่วงหน้า ก็จะช่วยลดความดราม่าลงก็ได้ เมื่อสถานการณ์มันมาถึงน่ะ)
  • ให้คิดสักนิดว่า แล้วจะคุยกันอย่างไรให้ไม่ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของกันและกัน
  • ลองคิดว่า คุณอยากจะบอกแฟนของคุณด้วยตัวเองถึงความสัมพันธ์อื่นๆ ของคุณ หรืออยากจะให้ผู้หวังดีอื่นๆ มาบอกแฟนคุณล่ะ
  • แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากคุณหรือแฟนเกิดจะต้องมาติดเชื้อโรคต่างๆ จากการมีความสัมพันธ์นอกบ้าน
ความรุนแรงเหนือการควบคุม

ความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชายส่วนมาก จะอยู่บนพื้นฐานของความรักและเคารพซึ่งกันและกัน บางคนอาจจะอยู่บนพื้นฐานของความรุนแรงและความควบคุมก็ได้ ความสัมพันธ์ที่รุนแรงนั้น ถือว่าเป็นความรุนแรงในครอบครัวเลย แม้ว่า คำว่า ความรุนแรงในครอบครัว อาจจะเป็นคำที่เหมาะสมที่จะใช้ความสัมพันธ์ของเกย์สักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เมื่อมีคนใดคนหนึ่งพยายามควบคุมหรือใช้ความรุนแรงกับอีกฝ่าย การทำให้อับอาย ข่มขู่ ติดตาม หรือใช้คำหยาบคาย หรือมาคุกคามความเป็นส่วนตัว หรือเรื่องการเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการทำร้ายร่างกายและกระทำชำเราทางเพศล้วนเป็นตัวอย่างของความรุนแรงในครอบครัวทั้งสิ้น และสิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกๆ ที่คบกัน หรือหลังจากรู้ หรืออยู่กับเชื้อเอชไอวี แม้เอชไอวีอาจจะเป็นสาเหตุของความเครียด ความกดดัน และปัญหาอื่นๆ ในความสัมพันธ์ แต่มันก็ไม่ใช่สาเหตุของความรุนแรงในครอบครัว