เรื่องสั้น "Crossroad" ตอนที่ 3 - ลุ้น



Crossroad
ตอน ลุ้น
BY : Miracle

แม้ผลเลือดของผมจะเป็น Negative ซึ่งหมายความว่าไม่มีเชื้อ HIV แต่ผมกับแฟนก็ยังไม่สามารถโล่งใจได้เต็มที่ เพราะเมื่อนับนิ้วกันไปมาแล้ว เราสองคนมีเซ็กซ์กันล่าสุด เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และที่สำคัญคือผมกับแฟนก็จำไม่ได้เสียด้วยว่าเราได้ใช้ “ถุงยาง” หรือเปล่า?

โดยปกติแล้ว ผมกับแฟนมักจะมีเซ็กซ์กันโดยใช้ถุงยางเสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวผมเองที่คิดกังวลถึงเรื่องความสะอาด ก็นั่นมันช่องทางขับถ่ายนี่ครับ ถ้าไม่ให้แฟนใส่ถุงยางผมจะไม่มั่นใจเลย แต่ก็มีอยู่ประมาณ 3-4 ครั้งที่การมีเซ็กซ์ของเราเป็นไปแบบฉุกละหุก และมันก็ลงเอยด้วยการมีเซ็กซ์แบบสดๆ

ถามว่าผมกับแฟนเคยคุยกันเรื่องตรวจเลือดกันก่อนหน้านี้ไหม ไม่เลย เราไว้ใจกันและกันมาก สำหรับตัวผมเอง ยอมรับนะครับว่าก็มีเถลไถลบ้าง แต่กับคนอื่นๆ ผมก็ใช้ถุงตลอด ส่วนแฟนของผมเขาก็ไม่เคยสดกับใคร พอถึงจุดนี้ เราเลยมานั่งคุยกันว่า ถ้าอย่างนั้น “เชื้อ” มันมาจากไหน?

ถามย้ำกันอีกครั้ง แต่แฟนผมก็ยืนยันว่าเขาไม่เคยสดกับใคร นอกจากผม ถ้าอย่างนั้น อาจจะเป็นกรณีถุงยางแตก หรืออาจจะเป็นการติดเชื้อจากการออรัลเซ็กซ์ก็เป็นได้ ผ่านมาหลายปีเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ผมมักจะหยิบมาแซวเขาอยู่เสมอ ว่าแอบไป “เป็นรับ” กับใครมาหรือเปล่า เพราะตามความเข้าใจของคนทั่วไป โอกาสที่คนที่เป็นฝ่ายรุกจะติดเชื้อนั้นมีน้อยมาก แต่ผมกับแฟนขอยืนยันครับว่า “มันมีโอกาสนั้นอยู่”

“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าเชื้อมันมาจากไหน” ผมถามเพราะเห็นแฟนผมเฉยๆ กับเรื่องนี้มาก ลองคิดกลับกัน ถ้าเป็นผมคงต้องไปตามล่าควานหาตัวคนปล่อยเชื้อให้เจอให้ได้

“ช่างมันเถอะ มันจะมาจากไหนเราไม่มีทางรู้ได้หรอก”
ผมน่ะพอจะรู้อยู่หรอกว่า ก่อนที่เขาจะมาเจอผม นายคนนี้โชกโชนมาขนาดไหน เราเปิดอกคุยกันเรื่องเซ็กซ์ที่ผ่านมากันอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว คงจะเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะไปตามหาว่าใครเป็นคนเอาเชื้อนี้มา เพราะจากการที่เราได้คุยกับ “พี่เล็ก” ที่คลีนิคนิรนาม กะเกณฑ์ดูจากระดับ CD4 (เซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งจัดระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่อการติดเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส) คาดการณ์ว่าแฟนผมจะได้รับเชื้อ HIV มามากกว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งนั่นมันก่อนที่เขาจะมาเจอกับผมซะอีก!

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 – 4 ปีก่อน ตอนนั้นยังไม่มีการตรวจแบบแนท หรือ Nucleic Acid Amplification Testing (NAT) ที่สามารถตรวจได้หลังจากมีความเสี่ยงมาเพียง 5 วัน สิ่งที่ผมกับแฟนทำได้คือการรอแล้วกลับมาตรวจหาเชื้อ HIV ใหม่ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นระยะฟักตัวของเชื้อ ที่จะสามารถตรวจเจอได้

ช่วงเวลา 3 เดือนนี้ ผมมองเห็นความเปราะบางในความสัมพันธ์ของเรามาก แฟนผมแทบไม่แตะต้องตัวผม ไม่ยอมมีเซ็กซ์กับผม และระมัดระวังในทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งการกินอาหารโดยใช้ช้อนเดียวกัน หรือใช้หลอดเดียวกัน จนผมเองต้องเป็นฝ่ายย้ำว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่ได้รังเกียจอะไรคุณเลย เราสามารถใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนเดิมได้ทุกอย่าง” นี่เป็นสิ่งที่เราทั้งสองคนจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจไปพร้อมกัน

อย่างไรก็ตาม ผมยังมองเห็นแววตากังวลของเขา กับคำถามที่คงอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา
“เมื่อถึงวันที่นัดตรวจเชื้อ HIV อีกครั้ง แล้วเลือดของผมเป็น Negative เหมือนเดิม ผมจะทิ้งเขาไปหรือเปล่า?”

(โปรดติดตามตอนต่อไป)  

กลับไปอ่านตอนที่ 1 
Crossroad ตอน 1 จุดเปลี่ยน

กลับไปอ่านตอนที่ 2 
Crossroad ตอน 2 นิรนาม

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
การเดินทาง จากมิลานสู่ภูเก็ต