การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเมื่อมีโอกาสสัมผัสเชื้อ



การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเมื่อมีโอกาสสัมผัสเชื้อ

คำถามที่มักเจอบ่อยๆจากกระดานสนทนา อีเมลล์ และ เฟสบุ๊คของ Adam’s love ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ มักจะถามในเรื่องของการสัมผัสเชื้อหรือสงสัยว่าจะสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี เช่นน้ำอสุจิเปื้อนมือ สงสัยว่าถุงยางแตก หรือไปฟันดาบมาจะติดไหม จึงอยากชวนคุยถึงแนวทางการป้องกันตนเอง ซึ่งเราอาจจะไม่แน่ใจว่าสารคัดหลั่ง เช่นเลือด หรืออสุจิ ที่เราสัมผัสนั้นมีเชื้อเอชไอวีอยู่หรือไม่ ดังนี้ค่ะ 

-ถ้าโดนเข็มหรือของมีคมที่ต้องสงสัยบาด ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและหรือน้ำสบู่ แม้ว่ายังไม่มีข้อมูลว่าการใช้น้ำยาทำลายเชื้อชนิดใดดีที่สุด ในกรณีนี้น้ำยาทำลายเชื้อที่แนะนำ เช่น 70% แอลกอฮอล์หรือเบตาดีน ไม่ควรใช้น้ำยาที่กัดหรือทำลายผิวหนังและเยื่อบุ และไม่ควรบีบเค้นแผลอย่างรุนแรง (กรมควบคุมโรค, 2550) 

-ถ้าเลือดหรือสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดมากๆ อย่าขยี้ตาด้วยความรุนแรง 

-ถ้าเลือดหรือสารคัดหลั่งกระเด็นเข้าปาก ให้บ้วนปากและหรือกลั้วปากและคอด้วยน้ำสะอาดมากๆ 

-ถุงยางรั่วหรือฉีกขาด (www.PrevAIDS.org) 

• ในกรณีที่ถุงยางมีรูรั่วเล็กน้อย หากส่วนปลายสุดขององคชาติ สัมผัสกับ น้ำจากทวารหนักเป็นระยะเวลาไม่นานนัก ถือว่าไม่เป็นอันตรายมาก เพียงเปลี่ยนถุงยางใหม่ และสามารถมีเพศสัมพันธ์ต่อได้ 
• ในกรณีที่ถุงยางมีรูรั่วขนาดใหญ่ ผู้ที่สอดใส่จะรู้สึกได้ทันที หากหยุดการมีเพศสัมพันธ์ และเปลี่ยนถุงยางใหม่ ก็ถือว่าปลอดภัย 
• หากเป็นการสัมผัสกันระหว่างผิวหนังรอบท่อปัสสาวะ (ที่ไม่ใช่ส่วนสีแดงปลายสุดขององคชาติ) หรือบริเวณโคนองคชาติกับช่องคลอด หรือทวารหนัก เช่นนี้ถือว่าไม่เป็น อันตรายแต่อย่างใด 
• หลังจากที่ฝ่ายรุกถึงจุดสุดยอดแล้ว หากพบว่าน้ำอสุจิไม่ได้ค้างอยู่ในถุงยางอนามัย ฝ่ายที่ถูกสอดใส่ถือว่าอยู่ในภาวะอันตราย 

วิธีปฏิบัติหลังเกิดพฤติกรรมเสี่ยง 

หากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น สารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศเข้าสู่ร่างกายเช่น ถุงยางแตกโดยไม่รู้ตัว หรือสอดใส่อวัยวะเพศเข้าทวารหนักโดยไม่ป้องกัน คือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเอง ควรรีบมาโรงพยาบาลที่เราสะดวก หรือมาที่คลีนิคนิรนาม (กรณีเกิดนอกเวลาให้มาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล) โดยเร็วที่สุด หรือ ภายใน1-3 ชั่วโมง อย่ารอจนเกิน 72 ชั่วโมง เพื่อให้แพทย์พิจารณาและให้คำแนะนำว่าเราควรทำอย่างไรต่อไปค่ะ