The Truth (ความจริง)


ก่อนอื่นต้องขอสารภาพก่อนว่า เรื่องประจำเดือนเมษายน ผมเขียนเสร็จไว้หลายวันแล้ว แต่ด้วย ความที่เพิ่งได้ดูรายการตีสิบ ที่ออกอากาศในวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา เกิดอยากเขียนเรื่องขึ้นมาใหม่ จึงกลายมาเป็น The Truth ความจริงที่เราควรต้องรู้

ในสังคมของคนเป็นเกย์แบบผม มีคนหลายจำพวก คนอย่างคุณในรายการตีสิบ นั่นก็กลุ่มหนึ่ง ที่มีความสนุกสนานกับการมีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้ ขอแค่ให้มี คนกลุ่มแบบผม ที่มีเพศสัมพันธ์ กับคนที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย ไม่ว่าจะ เป็นกิ๊ก เป็นแฟน ก็ตามที และคนกลุ่มที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ กับใครเลย ยกเว้นคนที่เป็นแฟนเราเท่านั้นจริงๆ และเกย์ก็ไม่ได้มั่วไปเสียทุกคน!!!

แต่ไม่ว่าคุณหรือผม หรือใครๆ จะเป็นเกย์กลุ่มไหนก็ตาม ความจริงคือ ทุกครั้ง เราป้องกัน เราสวมถุงยาง เรารู้จักตัวเราก่อนมีเพศสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน ที่ผมใช้คำว่ารู้จักตัวเอง เพราะบางคนไม่รู้ว่า แผลร้อนในในปากที่เราเป็นอาจจะเป็นช่องทางในการรับเชื้อที่จะมาจาก อวัยะเพศของอีกฝ่ายหนึ่งได้ และต้องยอมรับความจริงว่า เกย์ 100 ทั้ง 100 ออรัลเซ็กส์ แบบไม่ป้องกันกันหรอก ใครใส่ถุงยางออรัลเซ็กส์ ก็ประหลาดตายเลย!!! แต่ในความเป็นจริง นั่นคือการปกป้องตัวเราเองจากสิ่งที่เราไม่รู้ได้ดีที่สุด

ในสังคมที่เราเดินผ่านกันไปผ่านกันมา ไม่มีใครรู้หรอกว่า ใครมีเชื้ออะไรอยู่ในตัว บางคนมีไวรัส ตับอักเสบ บี กินน้ำแก้วเดียวกันก็มีโอกาสติด บางคนมีเอชไอวี มีเพศสัมพันธ์ แบบไม่ป้องกันก็มี โอกาสติด (ย้ำนะครับว่าไม่ป้องกัน เพราะถ้าป้องกันต่อให้มีกับคนที่มีเอชไอวี โอกาสติดน้อย มากจริงๆ)

เช้าวันรุ่งขึ้น ข้อความมากมายในหน้าโซเชียลเน็ตเวิร์คมีประเด็นจากรายการตีสิบให้พูดคุยอยู่ บ้างถามว่า ที่เค้าแพร่ออกไปเพราะเค้ารู้ตัวหรือไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ คำตอบคือ ช่วงที่ยังไม่ตรวจเค้าก็ยอม ไม่รู้ตัวจึงแพร่ออกไป แต่หลังจากตรวจแล้วเค้าก็ยังแพร่ต่อไป (ขึ้นอยู่กับความต้องการของอีกฝ่าย ว่าจะป้องกันหรือไม่ป้องกัน) อันนี้เค้าย่อมรู้ตัว บ้างสงสารกับคนที่มั่วมีเซ็กส์ไปทั่ว แล้วต้องรับเชื้อ บ้างรับไม่ได้กับเรื่องราวที่กลายเป็นบทสรุปของคนเป็นเกย์ ที่มีภาพดูสำส่อน! หรือคนเป็นเอชไอวี ต้องมั่ว ต้องคิดแต่จะมีเพศสัมพันธ์ แต่บทสรุปที่น่าสนใจ จากรายการตีสิบในครั้งนี้คือ จะไม่น่าสงสาร ถ้าเรารู้จักตัวเราเองดีพอ ไม่ว่าเราจะมีอะไรกับใคร จะพบเจอกันในสถานที่ไหน จะมั่วหรือไม่มั่ว จะผ่านผู้ชายมากี่ร้อยคนก็ตามที สิ่งที่สำคัญมันคือการป้องกัน “รักสนุกได้ แต่ต้องรู้จักป้องกัน”

ใช่ผมเองเคยรักสนุก แต่ทุกครั้งผมป้องกัน เพียงแต่บางครั้งผมไม่รู้จักตัวเอง จึงทำให้ผมได้รับเชื้อนี้ เข้ามา ใช่อย่างที่เค้าให้สัมภาษณ์ว่า เอดส์เป็นแล้วไม่หายและอยู่กับเราตลอดไป ผมก็ยืนยันอย่างนั้น แต่เมื่อรู้ว่าเป็นแล้ว เราเลือกวิธีการใช้ชีวิตใหม่ได้ เราเลือกที่จะรักตัวเองได้ เราเลือกที่จะปกป้อง ตัวเองได้

เอชไอวี ไม่ใช่คำตอบของคุณค่าในตัวเราที่มันจะลดลง การทำตัวของเราเองต่างหากที่จะบอกว่า เรามีคุณค่ามากแค่ไหน เมื่อเรารู้ว่าเรามีเชื้อเอชไอวีแล้ว เราจะทำให้คุณค่าในตัวเองเป็นอย่างไรต่อไป

สำหรับคนที่มีเอชไอวีแบบผม อย่าไปกังวลใจเลยครับว่าใครจะมองว่าเราผ่านอะไรมา ถึงได้รับเชื้อ เหล่านี้มา มันไม่สำคัญว่าใครจะมองเราแบบไหน คุณยังเป็นตัวคุณ เป็นคนเดิมที่ทำอะไรๆ ได้เหมือนเดิม ขอให้คุณมองตัวเองให้ชัดเจนและตอบตัวเองได้ว่า คุณจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร เท่านั้นพอ

ความจริงสิ่งสุดท้ายคือ คนที่มีเชื้อเอชไอวี ไม่ได้เป็นคนที่มั่วไปเสียทุกคน และคนเป็นเอชไอวีแบบผม อยากบอกคนที่ยังปลอดภัยดีว่า ตราบใดที่เรายัง “ง่าย” กับการมีเพศสัมพันธ์ ตราบนั้น เราก็ง่าย ที่จะเสี่ยงได้รับเชื้อมา ความจริงที่ใครหลายๆ คนมองข้าม และความจริงที่ทำให้ใครหลายๆ คนกลัว แต่นี่คือความจริงที่เราทุกคนต้องยอมรับ ไม่มีใครเปลี่ยนความจริงไปได้หรอก

สุดท้ายผมไปเจอข้อความหนึ่งที่สะเทือนใจคนเป็นเอชไอวีแบบผมมาก แล้วเดือนหน้าผมจะเขียนมาให้อ่านกันนะครับ

สวัสดีครับ

I’m PLUS iam.plus.plus@gmail.com