New! LOVE+

ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ใช้หัวใจสัมผัส หรือ เป็นเรื่องของเหตุผลที่ต้องใช้สมองไตร่ตรอง และบางครั้งเรารู้สึกเหมือนความรักมีมากกว่าบทนิยามที่ใครๆต่างให้ไว้

ความรักเป็นสิ่งที่งดงามเสมอ แม้บางคราจะทำให้เราเสียน้ำตา แต่ทุกครั้งในความรักจะมีรอยยิ้ม ของความอบอุ่นเสมอ เมื่อใดที่เราได้สัมผัสถึงความรัก เมื่อนั้นเราจะรู้สึกถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของ ความรัก ความรักแบบของผมที่ผ่านมามีทั้งความสุขที่ได้อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา บางครั้งก็ทุกข์ทน ที่ต้องเดินจากคนที่เรารักไป และบางครั้งเราต้องทำเป็นลืมความเจ็บปวดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เชื่อเถอะ ว่าความรักที่ผ่านมาทุกครั้ง ผมไม่เคยลืมได้เลย คงทำได้เพียงเก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าครั้งหนึ่งเคย ได้รักใครสักคน แต่หลังจากวันนั้น วันที่ผมมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ผมจะยังรักใคร ได้อีกหรือ และจะยังมีใครรักผมได้หรือไม่???

ตลอดสองปีกว่าที่ผมอยู่กับความพิเศษที่ตัวเองมี ผมไม่กล้าที่จะรักใคร แม้ในใจลึกๆจะเรียกร้องและ โหยหาใครสักคนอยู่เคียงข้าง คนพิเศษแบบผมจะมีคนรักที่เป็นคนปกติธรรมดาได้หรือ เค้าจะรับ ความจริงที่ผมเก็บไว้อยู่ได้ไหม ผมควรจะต้องบอกเรื่องนั้นกับคนรักของผมหรือเปล่า ผมว่านี่คือ เหตุผลที่ต้องใช้สมองไต่รตรองมากกว่าความรู้สึกของหัวใจ มากกว่าแค่คำว่ารัก

ผมลองเปิดใจตัวเองคบกับใครคนหนึ่ง ในครั้งนั้นผมกล้าพูดความจริงว่าผมเป็นอะไร สิ่งที่ได้รับกลับ มาอย่างไม่คาดคิดคือ เค้ารับสิ่งที่ผมเป็นได้ เพราะเค้าเคยทำงานเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วย เพียงแต่ เรามีบางสิ่งบางอย่างที่เราไปด้วยกันไม่ได้ กับคนถัดมาเค้าก็ยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นได้ และยอมรับได้ ถึงขนาดที่ไม่กลัวที่จะได้รับเชื้อจากตัวผม เพราะคำว่ารัก ผมเชื่อว่าเค้ารักผมจริงๆ แต่เราก็ไปด้วยกัน ไม่รอดอยู่ดี

ผมอาจจะแปลกตรงที่ไม่กลัวความเสียใจกับการเริ่มมีความรักครั้งใหม่ๆ จนคนรักคนล่าสุด ผมต้อง บอกเลยว่า แม้ตอนนี้เราจะเลิกกันไปเกือบปีแล้ว แต่เค้ายังเป็นความรักของผมอยู่ทุกวันนี้ เหตุที่เรา ต้องเลิกกัน ผมเคยเขียนเล่าให้ได้อ่านกันแล้วใน บทความชื่อ ความกล้าvsความกลัว เค้ารับไม่ได้และ ยอมที่จะอยู่กับคนแบบผมไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ เราจึงต้องเดินจากกันไป หลังจากเค้าแล้ว ผมกลับมาถาม ตัวเองว่า จะมีคนปกติสักกี่คนที่จะกล้าเป็นคนรักของคนมีเชื้อ HIV แบบผม หรือความจริง ผมควรรัก กับคนที่มีเชื้อแบบเดียวกัน จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก หรือจริงๆแล้ว เรารู้จักที่จะระมัดระวังป้องกัน กับคนรักได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกให้เค้ารู้ว่าเราเป็นอะไร หรือสุดท้าย การอยู่คนเดียวตลอดไป เป็น ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนแบบผม จนล่าสุด ผมมีโอกาสได้คุยกับใครคนหนึ่ง ก่อนที่เราจะคบกัน เค้าพูดกับผมประโยคสั้นๆแต่บาดลึกไปสุดขั่วหัวใจ “ถ้าจะเป็นแฟนกัน ขอดูใบตรวจเลือดก่อน” ผมอึ้งและนิ่งไปพักใหญ่ๆ ที่ไม่ตรวจไม่ใช่ เพราะว่าผมกลัว แต่ผมรู้อยู่เต็มอกว่า ผมเป็นอะไร ผมทำได้ติดตลกกลับไปว่า “ไม่ตรวจหรอก” แล้วเราก็จบกัน…

ผมไม่โกรธเค้าเลยที่ขอในเรื่องแบบนั้น เค้ามีสิทธิ์ที่จะปกป้องความปลอดภัยในตัวของเค้าเอง และคงทำอะไรไม่ได้นอกจาก เดินออกมาจากชีวิตของเค้า

ผมยังมีคำถามเดิมๆอยู่ในใจ ผมควรมีแฟนที่ไม่มีเชื้อจริงๆ หรือ? ผมควรมีแฟนที่มีเชื้อเหมือนกันดีกว่าหรือไม่? ผมควรเลือกแฟนที่ยอมรับเรื่องแบบนี้ได้จะดีกว่าหรือเปล่า? หรือผมควรต้อง “อยู่คนเดียวกับตอนเย็นๆ ก็ไม่ต้องเห็นว่าจะต้องมีใครๆมาเคียงข้าง” แบบพี่เบิร์ด

แต่ผมสารภาพตามตรงด้วยสามัญของมนุษย์จริงๆว่า ต่อให้ผมจะมีแฟนที่มีเชื้อหรือไม่มีเชื้อ ผมก็จะ เลือกแฟนคนที่ผมสบายใจที่จะรักเค้า จะมีใครสักกี่คนพูดได้เต็มปากว่า รักใครคนหนึ่ง ไม่ได้ดูที่รูปร่าง หน้าตาเป็นสำคัญ คงมีคนแบบนี้แต่คงเป็นส่วนน้อย สุดท้ายแล้วความรักก็กลับมาลงเอย ด้วยคำตอบ เรื่องเดิม ว่าเค้าก็ต้องตรงสเปคเราในระดับหนึ่ง เค้าก็ต้องมีนิสัยที่ไปด้วยกันกับเราได้ และเค้าก็ต้อง เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นได้ จริงๆคนเราจะรักใครสักคนหนึ่งอะไรคือสิ่งที่จะบอกว่าคนๆนี้ คือคนที่ใช่ เพราะที่ผ่านมา ก็มีทั้งคนที่รับในความจริงที่ผมเป็นได้ และรับไม่ได้เลยกับสิ่งที่ผมเป็น

ผมอยากบอกคนที่เป็นแบบผมว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามความรักยังสวยงามเสมอ และถึงแม้เราจะ ไม่มีใคร แต่เรายังคงมีความรักเหมือนเดิม ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าต้องมีใครอยู่ข้างๆเรา เพราะความรัก อยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจเราตลอดเวลา”

ท้ายที่สุดความรักก็ยังเป็นเรื่องเข้าใจยากอยู่ดี ทั้งๆที่พยายามเข้าใจมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ถึงอย่างไร ผมเองก็อยากมีใครสักคนเคียงข้างและเดินไปในทุกๆวันด้วยกัน แต่ถ้ามีคนๆนั้นจริงๆ ผมก็ยังมีคำถาม เดิมๆกวนใจอยู่ว่า “ผมจะบอกหรือไม่บอกเค้าดี”…

ด้วยรัก
I’m PLUS
iam.plus.plus@gmail.com