Crossroad ตอนที่ 7 'เพื่อนใหม่ - เพื่อนเก่า'

BY : Miracle

กิจกรรมสำหรับวันแรกของทริปมิตติ้งที่มีสมาชิกกว่า 90% เป็นผู้ได้รับเชื้อ HIV คือการจับกลุ่มพูดคุยกินอาหารไปพร้อมกับฟังเสียงเพลงเพราะๆ ที่สมาชิกผู้กล้าผลัดกันขับขานให้ฟัง สมาชิกที่มาร่วมทริปในวันแรกนี้มีจำนวนมากกว่าที่ผมคิด กะประมาณโดยสายตา ไม่น่าจะต่ำกว่า 40 คน

แฟนหนุ่มของผมพูดคุยกับเพื่อนใหม่อย่างเป็นกันเอง ดูเค้าผ่อนคลายกว่าที่ผมคิดเอาไว้ และที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ เค้ารู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเชื้อ HIV มากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแพร่เชื้อ - การติดต่อเชื้อ HIV, การรับยาต้านไวรัส, ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัสกลุ่มต่างๆ, โรคแทรกซ้อน ฯลฯ ซึ่งเค้าก็มา
บอกกับผมทีหลังว่าข้อมูลเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่สมาชิกของเว็บบอร์ดแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมออยู่แล้ว

ตัวผมเองได้แค่นั่งฟังตาปริบๆ ส่งยิ้มให้เพื่อนใหม่เป็นระยะๆ และรู้สึกแปลกใจกับตัวเองที่อยู่ๆ ผมก็เกิดอาการพูดไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่เคยกังวลกับการเข้าสังคม พบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้า แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น

ผมรังเกียจคนติดเชื้อ HIV หรือ ... มั่นใจว่าไม่ใช่
ผมสับสนงุนงงกับข้อมูลที่ไม่เข้าใจหรือ ... ก็ไม่น่ายากเกินไป
หรือผมกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจว่าผมติดเชื้อ HIV ทั้งที่ผมไม่ได้ติด ... ยิ่งไม่ใช่อย่างแน่นอน แล้วผมเป็นอะไรกัน

“รับยาแล้วหรือยัง” เสียงหนึ่งชวนผมพูดคุย “อ๋อ แฟนผมเป็น Negative ครับ” แฟนผมหันมาตอบแทน ส่วนผมได้แต่นั่งนิ่งๆ
“อ้าวเหรอ นี่มีหลายคู่นะที่มาเนี่ย นั่นไง อย่างคู่นั้น คู่นั้น แล้วก็คู่นั้น”

เสียงอธิบายเจื้อยแจ้วของพี่ใจดีทำให้ผมเริ่มยิ้มออก และผ่อนคลายมากขึ้น ใช่แล้ว ปัญหาของผมคือการรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ผมไม่รู้จะวางตัวอย่างไรในการอยู่ร่วมกับกลุ่มคนติดเชื้อที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต มีแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และมีน้ำจิตน้ำใจมอบให้กัน ผมไม่รู้ว่าจะมอบความรู้สึกเห็นใจหรือสงสารให้พวกเค้าดีหรือไม่...คำตอบคือ ไม่จำเป็นเลย พวกเค้าไม่ได้ต้องการความเห็นใจหรือสงสาร ที่สำคัญผมไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “เข้าใจ” พวกเค้า
เพราะผมไม่มีทางเข้าใจพวกเค้าหรอก ผมไม่ได้เผชิญหน้ากับเชื้อไวรัสร้ายกาจเหมือนพวกเค้า ผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกหวาดหวั่นสับสน แม้แต่เสี้ยวเดียวของพวกเค้า แล้วผมจะมีหน้าพูดได้อย่างไรว่า “เข้าใจ” พวกเค้า

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ค่อยๆ เริ่มต้นบทสนทนากับคนอื่นๆ อย่างช้าๆ โดยไม่จำเป็นต้องออกตัวบอกทุกคนว่า “เลือดผมเป็น Negative” หรือชวนคุยเรื่องเชื้อไวรัส HIV อย่างเดียว ยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายให้เราได้คุยกัน

“อ้าว หวัดดี” เสียงทักอย่างประหลาดใจดังขึ้น เมื่อเราสบตากัน
ผมจำ “เค้า” ได้ดี เพราะเราเป็นเพื่อนกันในโซเชียลเน็ตเวิร์ค และเปลี่ยนอีเมลคุยกันอยู่เป็นประจำ แถมเค้ายังเคยชวนผมไปมี “อะไร” ด้วยอยู่หลายครั้ง ทว่าผมไม่เคยนัดกับเค้าจริงจังเสียที ด้วยเวลา ระยะทาง โอกาส และสำนึกผิดชอบชั่วดี เพราะตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว (แต่บางครั้งสำนึกที่ว่าก็ไม่ทำงานเหมือนกันนะครับ) ทำให้ผมไม่เคยเจอตัวเป็นๆ ของเค้า ... จนกระทั่งมาเจอกันที่นี่

“มากับใครเหรอ” เค้าถาม
“มากับแฟน” ผมแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน แล้ว “เค้า” ก็ขอตัวแยกไปคุยกับคนอื่นต่อ
“ใครน่ะ” แฟนผมถามขึ้นเมื่อเค้าเดินห่างไป
“เคยคุยกันในเน็ตน่ะ”

แฟนผมฟังแล้วก็ปล่อยผ่าน หันไปคุยกับเพื่อนใหม่ต่อ ส่วนผมได้แต่นั่งแอบมองเพื่อนเก่าที่ผมรู้จัก พลางคิดในใจถึงแคมเปญรณรงค์เรื่อง HIV ที่เคยได้ยินว่า “รู้หน้าไม่รู้ผลเลือด” ขึ้นมาทันที

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

กลับไปอ่านตอนที่ 1 - จุดเปลี่ยน

ตอนที่ 2 - นิรนาม

ตอนที่ 3 - ลุ้น 

ตอนที่ 4 - บวกหรือลบ

ตอนที่ 5 - เซ็กซ์ของเรา รักของเรา

ตอนที่ 6 - มิตติ้งทริป