|
Positive-titude (คิดบวก+)“กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เคยคุ้นตา ที่ที่ใจนั้นคอยเรียกหา” พร่ำเพ้อเพลงของพี่ติ๊นา คุณแม่ของชาวเรา ประหนึ่งยืนอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต เพ้อไปซะไกล จริงๆแค่จะเกริ่นว่า กลับมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตัวเดิม ที่ทำงานทุกๆวัน ความคุ้นชินกับมันก็เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว จะหยิบจับนั่นนี่ก็เข้ามือไปหมด เพียงแค่วันนี้เพิ่งรู้ว่าสังคมของเรา ยังมีเรื่องไม่คุ้นชินกันอยู่ เพราะเช้าวันนี้กลับสลดใจเล็กๆ ไม่ใช่เพราะ นีล อาร์มสตรองตาย แต่เป็นเพราะสังคมที่กำลังจะตาย ไม่ได้หมายถึงการเมืองที่ยืดเยื้อไม่ลงรอยกันเสียที แต่กำลังหมายถึงนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ถูกให้พ้นสภาพ หลังจากสถาบันตรวจพบเจอว่าได้รับเชื้อ HIV ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเองเบาๆในใจว่า “อะไรคือความถูกต้องและอะไรคือสิ่งที่ควรทำ” ผมไม่ตั้งคำถามนะครับว่าน้องเหล่านั้นจะได้รับเชื้อมาด้วยวิธีการใด แต่เมื่อได้รับเชื้อมาแล้ว เค้าย่อมมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตของเค้าได้ตามปกติ และอย่างที่ย้ำบ่อยๆว่า HIV ไม่ได้แพร่ทางอากาศ ไม่ได้ติดด้วยการสัมผัสมือกันเฉยๆ ผมว่าร้อยทั้งร้อย ถามใครก็รู้ว่า เอดส์ติดต่อกันได้อย่างไร เมื่อรู้ เมื่อเข้าใจในคำตอบ ทำไมถึงยังรังเกียจคนที่เค้าพลาดและกำลังล้มอยู่ ด้วยการตัดสินอนาคต ว่าเค้าจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้เหมือนคนทั่วไปที่ไม่มีเลือดบวก เอาเข้าจริงๆ คนสิบคนที่เราเดินผ่าน อาจจะมีสักคนที่ติดเชื้อ มีผลสำรวจหนึ่งที่ถูกแชร์ตามหน้า โซเชียลมีเดีย ผู้ชายร้อยคน จะมีคนติดเอดส์ 3 คน ดูเลวร้าย น่าสะพรึ่งกลัวยิ่งนัก บรึ๋ยส์!!! ใครๆก็กลัวติดเอดส์ แต่สิ่งที่คนติดเอดส์กลัวที่สุด คือ กลัวไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป (ในสังคม) เรามาลองปรับความรู้ของสังคมที่โหดร้ายนี้ดูหน่อยไหมว่า การกลัวติดเอส์เป็นสิ่งที่ดีที่จะพึ่งระวัง ในการจะสนุกสนานกับการมีเพศสัมพันธ์ และการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ ไม่ได้ทำให้โรคนี้แพร่ระบาด อย่างที่ควบคุมไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่อยู่ดีจะติดเชื้อเมื่อใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้อ ในทุกวันนี้ผมได้ยินคนพูดเรื่องติดเอดส์ มันเป็นเรื่องที่หลายคนยังรับไม่ได้ น่ากลัว น่าขยะแขยง เสียเหลือเกิน คนติดเชื้อแบบผมได้ยินคนพูดแบบนี้ที่ไรก็สะดุ้งและได้แต่คิดในใจว่า “ไม่เลวร้ายหรอก ผมยังอยู่ได้เป็นปกติ แล้วคนปกติแบบคุณจะกลัวอะไร ผมไม่ได้จะไปเอากับพวกคุณเสียหน่อย” ทางการแพทย์ผมขอใช้คำว่า เมื่อผู้ติดเชื้อ ได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างถูกวิธีแล้ว HIV ไวรัสที่น่ากลัวนี้ จะกลายเป็นเพียงแค่เชื้อโรคหนึ่งในร่างกายที่เรา “ควบคุม” มันได้ ฉะนั้น ผมในฐานะผู้ติดเชื้อ HIV คนหน่ึง ผมเชื่อในสิทธิที่ผมจะใช้ชีวิตในแบบของผม และเลือดบวกไม่ได้ควบคุมให้ผมต้องหยุดชีวิตของผมไว้เพียงแค่วันที่รู้ว่า “ผมมี HIV” ล่าสุดจากการประชุม AIDS 2012 ที่สหรัฐอเมริกา ได้มีผลวิจัยออกมาว่า ผู้ที่ติดเชื้อ เมื่อได้รับยาต้านอย่างต่อเนื่องเป็นประจำแล้ว จะลดอัตราการส่งต่อเชื้อไปยังผู้อื่นได้เกือบศูนย์แล้ว และในสหรัฐอเมริกาเอง ไม่มีการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกมา 3 ปีแล้ว หลังจากให้ยาต้านไวรัสกับแม่ที่ติดเชื้อ เรื่องดีๆ ก็ยังมี และเป็นเรื่องที่ไม่เลวร้ายเลยเกี่ยวกับเอดส์ จากข้อมูลนี้ การส่งต่อเชื้อเอดส์ไม่ได้น่ากลัว อย่างที่คิดกันเกินไป ยิ่งถ้าผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาที่ดี การอยู่ร่วมกันกับผู้ติดเชื้อยิ่งไม่ต้องกังวลใจเลย สังคมนี้ต้องเยียวยาตัวเองในเรื่องนี้ใหม่เสียที่ บางทีอย่ามัวแต่เอาเวลามานั่งเปลี่ยนคำพังเพยใหม่เป็น “รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด” อยู่เลย คิดบวก บวกเข้าไว้ ชีวิตจะได้ไม่มีแต่ติดลบ I’m PLUS iam.plus.plus@gmail.com |