ดิจิตัล สตอรี่เทลลิ่ง: เรื่องราวการพัฒนาตนเอง


สวัสดีครับ ผมอายุ 26 ปี วันนี้ผมจะมาแบ่งปันประสบการณ์ความพยายามในการทำสิ่งใดให้ประสบผลสำเร็จครับ ผมชอบกิน ออกกำลังกาย ต่อยมวย เต้น เล่นเกมส์ออนไลน์ที่ผู้ชายส่วนใหญ่เล่น ชอบปลูกต้นไม้ ชอบแต่งหน้า และที่สำคัญชอบดูการประกวดนางงาม ตั้งแต่จำความได้ก็โตมากับการทำงานตั้งแต่เด็ก ป.3 ทำงานแบ่งเบาภาระครอบครัว ทำมาจนถึงช่วง ม.4 แล้วเราก็ออกมาขายเครื่องสำอางหารายได้ระหว่างเรียน เราอาจจะเป็นคนที่พูดไม่เก่ง เลยรู้ตัวเองว่าพูดช้า พูดไม่ชัด เวลายิ้มก็ไม่เห็นฟัน มันทำให้เราขาดความมั่นใจ แต่ตอนเรียนผมเรียนสิ่งที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจก็เลยพยากรณ์เศรษฐกิจไปด้วย ดูตัวเลขคนตกงานย้อนหลัง GDP GNP ฯลฯ อันนี้เป็นเรื่องที่ผมสนใจจะทำงานด้านนี้ ซึ่งตอนนั้นมีหลายเสียงเข้ามาในหูมาก เช่น ไม่เลือกงานไม่ยากจน แต่เราไม่อยากไปทำงานใช้แรงงาน เราอยากทำงาน 8 ชั่วโมง เราไม่อยากทำโอที เราอยากมีเวลาออกกำลังกายเพราะว่าเราอ้วน เป็นภูมิแพ้ผิวหนังแต่ไม่ได้รักษาด้วยการกินยาแล้ว เพราะกินยามามันไม่ดีขึ้นเลย เลยออกกำลังกายจนตอนนี้หายแล้ว

ย้อนกลับไปกลางปี 2558 เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเพื่อนชวนไปทำงานบริษัทแห่งหนึ่งเพราะเรียนสัปดาห์ละ 1 วัน ก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำไปได้สักพักก็ปีใหม่ 2559 เทอม 2 แล้วเทอมนี้เรียนหลายตัว ทำงานก็หนัก เรียนก็หนักด้วย มาลุ้นเอาตอนเกรดตัวสุดท้ายออกนี่แหละว่าจะจบหรือไม่จบ ในระหว่างนั้นส่ง Resume ไปหลายที่มากไม่มีที่ไหนติดต่อมาเลย ก่อนหมดสัญญา 15 วัน เกรดออกหมดพอดี ปรากฏว่า ไม่ต้องเรียนอีก 1 เทอมแล้ว ตอนนั้นดีใจกรี๊ดลั่นในที่ทำงานเลย จนคนหันมามองหลายคนเลย แล้วก็มีหัวหน้างานมาถามว่ายังอยากจะทำที่นี่อยู่ไหม เราก็คิดนะตอนนั้นว่าถ้าทำมา 10 เดือน แล้วทำงานได้หลากหลายกว่าคนที่เขาทำมาก่อนแล้วยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำก็ไม่อยากอยู่ต่อ ตัวเราก็ไม่ได้เก่งอะไรมากหรอก แค่เต็มที่กับทุกอย่าง ทำให้ออกมาดีที่สุด ช่วงนั้นเปิด Application รับสมัครงานดูคือรับแต่สัญญาจ้างหลายที่มากแต่ละตำแหน่งคือคุณสมบัติอย่างเราเอื้อมไม่ถึง ถามว่าเราเก่งไหม เราไม่เก่งเลยนะ แต่เราเอาตัวรอดได้ เรียนไม่เคยติด F หลังจากหมดสัญญาทำงานกับบริษัทนี้ แม่เราบอกว่า กลับมาพักที่บ้านก่อนก็ได้ช่วงที่ยังหางานอยู่ แล้วเราป่วยบ่อยด้วย แม่ชวนเราไปทำงานที่เดียวกับนางด้วยนะ มันดีนะมีรถรับส่งมีข้าวกลางวัน แทบไม่เสียอะไรเลย แต่เราว่ามันอึดอัดนะ ทำงานที่เดียวกับแม่ ก็เลยปฏิเสธไป

แล้ววันหนึ่ง เราก็ทำตามความฝันด้วยการเข้าสู่การทำงานตามระบบของประเทศไทย เราก็สมัครสอบไปนะเป็นที่แรกเลยหลังจากเรียนจบปรากฏว่า ผ่านข้อเขียน ต่อมาได้สัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย ประกาศผลมาติดตัวสำรอง ตอนนั้นร้องไห้หนักมาก เพื่อนที่ไปสอบด้วยกันติด นางโทรมาให้กำลังใจบอกให้เราสู้ต่อ เราก็สมัครไปอีก 5 ที่ ไม่ผ่านข้อเขียนสักรอบ เราก็ไม่ท้อสมัครอีก 1 ที่ ถามแม่ว่าจะให้ไปสอบไหม นางก็บอกไปเหอะ เราก็ไปสอบนะแต่คราวนี้สอบติด ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้วนะ แต่คราวนี้ไกลจากบ้านกว่าเดิมอีกนะ ไปกลับก็นั่งรถนาน จะบอกว่าทำงานที่นี่มีความสุขมาก ทำงานกันแบบพี่น้องช่วยกันทำ ว่างเราก็เอาหนังสือมาอ่าน

เดือนต่อมาที่แรกที่เราเคยสมัครเปิดอีกครั้ง คราวนี้เราไปสอบอีก แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เวลามีคนมาถามสอบติดไหมบ่อยๆ แล้วบางครั้งเราก็ไม่อยากตอบ เพราะรู้สึกแย่นะ เราเลยสมัครไปอีกประมาณ 5 ที่ ก็ยังไม่ได้สักที่ แต่คราวนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องทำให้ได้แล้วล่ะ ตอนนั้นก็อ่านหนังสือวันละ 2 ชั่วโมง ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง 30 นาที กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ ไม่ออกไปเที่ยวเลย พอถึงเวลาสอบก็ไปสอบ ช่วงนั้นใกล้ปีใหม่กลับบ้าน เพื่อนก็ทัก messenger มาบอกว่าไปดูสิว่าติดไหม ก็ลองเข้าไปดูประกาศผลว่าผ่านข้อเขียน เลยบอกแม่ว่าผ่านข้อเขียนแล้ว แม่ก็บอกให้เตรียมตัวสัมภาษณ์เลย ด้วยความที่เราชอบดูการประกวดนางงามแล้วมันใช้ไหวพริบในการตอบคำถาม เราก็ดูช่วงตอบคำถามซ้ำไปซ้ำมาแล้วเอามาฝึกตอบคำถามหน้ากระจกทุกวัน ทั้งการพูด การใช้คำ การเน้นเสียง และสีหน้าแววตา ในการตอบให้ดูน่าสนใจ  ตอนสัมภาษณ์เลยทำให้เราดูมั่นใจขึ้น แล้วตอนประกาศผลออกมาคือเราได้เป็นตัวจริง  มองย้อนกลับไปทั้งหมดที่ไปสอบคือ 14 ครั้ง

ถ้าเรามีเป้าหมายอะไรแล้ว แล้วมันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรกที่เราลงมือทำ มันไม่ใช่เราไม่ดีพอหรือว่าเราทำไม่ได้ แต่มันคือสิ่งที่เราจะต้องเจอในระหว่างทางอยู่แล้ว แต่ถ้าเรารักและเรามีความฝันจริงๆ เราต้องกล้าที่จะลงมือทำ มุ่งมั่นต่อเป้าหมายและไม่ย่อท้อเมื่อเจออุปสรรค  เราเชื่อว่าสักวันจะต้องประสบความสำเร็จ มันทำให้เราย้อนกลับไปมองทุกความลำบาก แล้วก็ทุกก้าวมีความหมาย และคุ้มค่ามากๆ อยากจะเป็นกำลังใจให้หลายๆ คน ไม่มีอะไรที่คนเราจะทำไม่ได้ จงมีวินัยในการอ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ และทำความเข้าใจกับความรู้ต่างๆ เพื่อจะได้ทำสิ่งที่เราหวังให้ออกมาดีที่สุด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือเรื่องอื่นๆ ในชีวิต อย่างที่หลายๆ คนเคยได้ยินสำนวนนี้ “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ยิ่งถ้ารู้ว่าคู่แข่งเป็นยังไง เรายิ่งจะได้เปรียบ

ปล. 1) ถ้าเราอยากไปถึงเส้นชัย  เราต้องตั้งใจ และอย่าสนใจขี้หมาตามข้างทาง 
2) อย่าเอาคำพูดของคนคิดลบมาบั่นทอนตนเอง แต่ควรเอามาเป็นแรงผลักดันให้เราไปได้ไกลกว่าเดิม

เรื่องโดย กุลา


กิจกรรมดิจิตัลสตอรี่ของอดัมส์เลิฟ เปิดโอกาสให้ทุกคนแบ่งกันประสบการณ์ และเรื่องราว เพื่อเป็นประโยชน์กับพวกเราชาว For Men Who Love Men กันครับ
และนี่เป็นหนึ่งเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนที่มีความฝัน และอยากทำมันให้สำเร็จ
สนใจร่วมกิจกรรมแล้วรับของขวัญพิเศษสุดกับอดัมส์เลิฟ ติดต่อทางไลน์ไอดี @xto5254h

อดัมส์เลิฟขอสงวนสิทธิ์เนื้อหาและเรื่องราวดังกล่าวเป็นประสบการณ์เฉพาะบุคคลเท่านั้น และไม่เป็นการอ้างอิงหรือมีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น และขอสงวนสิทธิ์ในการนำเนื้อหาบางส่วนหรือทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาต



ขั้นตอนง่ายๆ ในการร่วมสนุกกับ Adam’s Love Digital StoryTelling Campaign
1. รีบแอดไลน์อดัมส์เลิฟ @xto5254h และทักทีมงานเราได้เลย
2. คุยกันถึงหัวข้อเรื่องที่คุณอยากเล่า
3. เขียนเรื่องราวที่คุณอยากเล่า แล้วส่งให้ทีมงาน
4. อดัมส์เลิฟจะรีบส่งของขวัญให้คุณถึงบ้านทันที

ของขวัญดีไซน์เท่ห์ๆ จากอดัมส์เลิฟ ไม่ว่าจะเป็น ทีเชิ้ต กระเป๋า หมวกแก๊ป และอีกมากมายที่เลือกได้ตามใจคุณ จะเป็นของคุณทันทีที่ร่วมกิจกรรมดีๆ กับอดัมส์เลิฟ