|
สารคดี การกดเชื้อไวรัสเอชไอวีของผม: แสงสว่างในความมืดมนอดัมส์เลิฟ ภูมิใจเสนอ สารคดี เรื่องราวการกดเชื้อไวรัสเอชไอวีของผม สำหรับตอนแรก เรื่อง แสงสว่างในความมืดมน เรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจ และความสำเร็จในการเข้าสู่การรักษาและสามารถกดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้สำเร็จของอาสาสมัครในโครงการอดัมส์เลิฟวีแคร์ สำหรับผู้ที่เพิ่งทราบผล สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อดัมส์เลิฟ เพื่อเข้าสู่โครงการและรับการดูแลที่ดีที่สุดทางออนไลน์จากเราในการรับคำปรึกษา แจ้งเตือนทานยา และรับของขวัญอย่างกล่องใส่ยา และเสื้อสวยๆ จากอดัมส์เลิฟ มาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรานะครับ ติดต่อที่ไลน์ไอดี @xto5254h ขอขอบคุณอาสาสมัครอดัมส์เลิฟวีแคร์ อดัมส์เลิฟ ขอสงวนสิทธิ์ในการนำข้อมูลไปใช้เผยแพร่ต่อในทุกกรณี โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากอดัมส์เลิฟ และเนื้อหานี้เป็นเพียงประสบการณ์บอกเล่าเฉพาะบุคคล และไม่สามารถถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับผู้อ่าน หรือผู้ตรวจพบเชื้อเอชไอวีในการดูแลตนเองในการรักษาเอชไอวีอย่างถูกต้องตามก ระบวนการทางการเแพทย์และมีวินัยเท่านั้น ข้อแนะนำ: ข้อมูลที่ระบุไว้บนเว็บไซต์นี้ ไม่สามารถครอบคลุมคำปรึกษาทั้งหมด หรือคำตอบทั้งหมดได้ ดังนั้น หากท่านสงสัย หรือมีคำถาม เกี่ยวกับเอชไอวี/เอดส์ สามารถติดต่อที่สถานพยาบาลได้โดยตรง
แสงสว่างในความมืดมน HIV-Positive Story A Light in Darkness เรื่องราวการกดเชื้อเอชไอวีของผม
วันที่รู้ผลก็ตัดสินใจที่จะรักษาทันที เพราะคิดว่ายังไง มันพลาดไปแล้วยังไงเราก็ต้องสู้กับมันให้ได้ คนเรามันมีพลาดกันได้ มันไม่จำเป็นว่าคุณพลาดไปแล้วคุณไม่มีโอกาสได้แก้ตัว นี่แหละคือโอกาสที่เราได้แก้ตัว ตอนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อก็ใช้ชีวิตปกติ คบอยู่กับแฟนเก่า เราก็คบกันไปคบไปเรื่อยๆ จนวันนึงเราจับได้ว่าเค้ามีคนอื่นนะ เค้านอกใจเรา เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็เลิกกันไป วันนึงเราเก็บตังค์ เราอยากดูดีขึ้นจากที่ว่าเราโดนทิ้งเพราะว่าหน้าตาเราไม่ค่อยดี เราก็เปลี่ยนตัวเอง วันนั้นคือไปคลินิกทำศัลยกรรม เค้าตรวจเลือด แล้วผลเลือดมันออกมาว่ามันมีปัญหา ตอนนั้นก็เครียด ถามว่าเครียดมั้ย ก็เครียดมาก แต่ก็พยายามคิดบวกไว้ว่ามันต้องไม่เป็นอะไร พอกลับบ้านมาก็ไปโรงพยาบาล ไปหาพยาบาลแล้วบอกเค้าว่าขอตรวจเชื้อ HIV พยาบาลก็บอก ทำไมถึงอยากตรวจ ก็บอกว่าเคยพลาดมาแล้วครั้งนึงแค่ครั้งเดียว โอกาสมีเป็นร้อยครั้ง เราไม่รู้ว่าเราจะไปเสี่ยงตอนไหน เราจะไปพลาดตอนไหน ร้อยครั้งไม่ใช่ว่าเรามีเป็นร้อยครั้งแล้วค่อยมาเป็น หรือมีสิบครั้งแล้วค่อยมาเป็น คือมันอาจจะเป็นแค่ครั้งเดียวครั้งเดียวจริงๆ แล้วเป็นเลยติดเลย ตอนนั้นเพราะว่าความเชื่อใจแล้วก็ยังเด็กด้วย แต่ก็ยังมีกำลังใจครับ พอตรวจเลือดออกมาแล้วผลเลือดเป็นอย่างที่คิด ตอนแรกก็เศร้านิดนึงครับ แต่ก็คุยกับพยาบาล พยาบาลก็บอกไม่ต้องเศร้ามันรักษาได้ แค่เรากินยาตรงเวลา เราออกกำลังกาย เราดูแลสุขภาพของเราให้มากขึ้น เราก็อยู่ได้แบบคนปกติทั่วไป วันที่รู้ผลก็ตัดสินใจที่จะรักษาทันที เพราะคิดว่ายังไงมันพลาดไปแล้วเราก็ต้องสู้กับมันให้ได้ คนเรามันมีพลาดกันได้ มันไม่จำเป็นว่าเฮ้ยคุณพลาดไปแล้ว คุณจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัว นี่แหละคือโอกาสที่เราได้แก้ตัว ที่รู้จักเพจอดัมส์เลิฟหรอครับ หาจากในกูเกิ้ล ตอนวันที่รู้ รู้ว่าตัวเองผลเลือดมันมีปัญหา ตอนที่จะไปทำจมูกเค้าก็ให้คำปรึกษาว่า โอเคงั้นไปที่โรงพยาบาลนะเพราะว่ามันเกิน 72 ชั่วโมงไปแล้ว ผมก็เลยเลือกที่จะไปโรงพยาบาลแล้วตรวจเพื่อความแน่ใจไปเลย พอรู้ผลก็แจ้งทางเพจอดัมส์เลิฟมาตลอดว่า เนี้ยเลือกที่จะยังรักษา เหมือนได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมาคนนึงแล้วก็ได้ที่ปรึกษาที่ดี มีคนให้คำปรึกษาในเรื่องเชื้อ HIV การรักษา การรับยาแล้วก็มีคนมาเตือนเราตลอดให้เราต้องทานยาตรงเวลานะ ตรงนี้จะดีหน่อย การรับแจ้งเตือนหรอครับ ก็จะเป็นการส่งข้อความมาว่า “ฮัลโหลอดัมส์เลิฟ” เพื่อให้เรารู้ว่า อ่อนี่คือถึงเวลาที่เรากินยาของเราแล้วนะ เพราะถ้าเกิดเลตไปปุ๊ป การทานยาตรงนั้นก็คือจะทำให้เราดื้อยา ผมจะพยายามไม่ทานยาเลต พอข้อความเข้าผมจะ ช่วงใกล้ๆ 2 ทุ่มผมจะเปิดข้อความเป็นเสียงไว้ เพื่อให้รู้ว่าเพจอดัมส์เลิฟส่งมาแล้ว พวกแรงบันดาลใจที่ทำให้ใช้ชีวิตต่อ ผมมองว่ามันอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า ถ้าเราคิดที่จะสู้กับมันได้ เราก็สามารถอยู่ต่อได้เหมือนคนปกติทั่วไป ผมจะฮีลตัวเองตลอดว่า เฮ้ยมันมีคนที่หนักกว่าเราเยอะ มันไม่มีคนที่แย่ไปกว่าเรา หรือเค้าดีไปกว่าเรา มันไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ เมื่อเราพลาดเราต้องลุกขึ้นสู้ให้ได้ เคยเจอคนแบบนี้ที่เค้าไปรักษาที่โรงพยาบาล เค้าบอกว่า “พูดมันง่ายนะ แต่ให้ทำมันยาก” ผมก็บอกเค้าไปเลยว่า “ทำมันไม่ยากหรอก ถ้าใจคุณตั้งใจทำ ทำได้อยู่แล้ว แต่คุณไม่สู้เองมากกว่า ถ้าใจคุณมันสู้ ยังไงซักวันนึงมันต้องหาย” ผมคิดอย่างเดียวว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไงมันก็ต้องรักษาได้ในอนาคต อยากให้การแพทย์ไปได้ไกลกว่านี้ คือเราไม่จำเป็นต้องมานั่งรับยาตลอดทุก 3 เดือนๆ อยากให้การแพทย์พัฒนาไปได้ไกลมากว่านี้ เพราะถ้าการรักษามันไปได้ไกลเราก็มีโอกาสหายได้มากขึ้น อุปสรรคหรอครับ มีครับ รู้สึกว่าตัวเองป่วยง่ายขึ้น ในช่วงแรกๆ นะครับตอนที่รักษา เพราะตอนนั้น CD4 ก็ยังไม่ได้สูงเท่าไร แต่ว่าตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะครับ สุขภาพดีขึ้นเพราะออกกำลังกายด้วย ทานยาด้วย คุมอาหารทุกอย่าง ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เราจะเน้นอาหารที่สุกแล้วก็ปรุงใหม่ตลอด แล้วคือจะต้องไม่ใช่อาหารที่เป็นอาหารมันจัดหรือหวานจัด เค็มจัด เราจะงดไปเลย อย่างพวกน้ำอัดลมก็เดือนนึงกินได้ประมาณ 2 แก้ว จะไม่กินเยอะ กินอาหารจำพวกผักมากขึ้น กินปลา กินอกไก่ จากที่เมื่อก่อนจะเมื่อก่อนจะเป็นคนที่ชอบกินแต่เนื้อหมู เนื้อวัวที่สุกมีเดียม แรร์ ตอนนี้ก็ทานเป็นเนื้อไก่กับเนื้อปลามากขึ้น แล้วก็ทานผักใครที่ไม่ค่อยทานผักก็ต้องทานมากขึ้น ออกกำลังกายใน1สัปดาห์ก็จะประมาณ 3 วันครับ จะมีวิ่ง มีซิทอัพ ปั่นจักรยานแล้วก็ยกเวท พวกนี้จะช่วยได้เยอะ สำหรับคนที่ติดเชื้อแล้ว อยากให้เค้าสู้ครับ กำลังใจคืออยู่ที่ตัวเค้าเอง อยู่ที่คนอื่นด้วยที่เค้ามีเชื้อเหมือนกัน อยากให้เค้าลองไปมองดูคนอื่นว่าทำไมเค้าสู้ได้ ในเมื่อคนอื่นสู้ได้ เค้าก็สู้ได้เหมือนกัน ความหมายของคำว่าสู้หรอครับ ก็คือถ้าใจเรายอมแพ้กับเชื้อไปแล้ว และไม่สู้ ไม่กินยา ไม่รักษา นั้นคือการไม่สู้ครับ ถ้าเรารักษากินยาตรงเวลา ออกกำลังกาย นั้นคือเราสู้กับเชื้อที่มีอยู่ในร่างกายครับ นั้นคือความหมายของคำว่าสู้ เพื่อมีชีวิตต่อในโลกนี้ มาร่วมกิจกรรม Digital Storytelling Campaign กับอดัมส์เลิฟ แชร์เรื่องราวและประสบการณ์ในชีวิตที่คุณอยากเล่า อยากบอกต่อ และอยากแชร์ไปกับเรา เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชุมชน #ForMenWhoLoveMen แล้วรับของขวัญดีไซน์พิเศษ จากอดัมส์เลิฟไปเลยทันที ขั้นตอนง่ายในการร่วมสนุก 1. รีบแอดไลน์อดัมส์เลิฟ LINE ID: @xto5254h และทักทีมงานมาได้เลย 2. คุยกันถึงหัวข้อเรื่องที่คุณอยากเล่า 3. เขียนเรื่องราวของคุณ แล้วส่งให้ทีมงาน 4. อดัมส์เลิฟจะรีบส่งของขวัญให้คุณถึงบ้านทันที |