Crossroad 13 ตอน เริ่มยาดีไหมนะ!?


By : Miracle

“งูสวัด” เข้ามาพันพัวอยู่กับแฟนของผมอยู่กว่าหนึ่งสัปดาห์ และหลังจากเจอทั้งยาแผนปัจจุบัน และยาสูตรโบราณ ที่ผมต้องเป็นคนคอยบดใบเสลดพังพอนผสมกับเหล้าขาวแล้วเอามาทาแปะที่แผลพุพองตามตัวของแฟนอย่างใจเย็นอยู่วันละหลายๆ รอบ และต้องลางานมาดูแลเค้าอย่างใกล้ชิดหลายต่อหลายวัน ในที่สุดแฟนผมก็หายเป็นปกติ และเราทั้งคู่ก็ตัดสินใจว่า ควรจะลองตรวจเช็กดูผล CD4 กันเสียหน่อย เพราะการที่งูสวัดมาเยือนแบบนี้ น่าจะเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะที่ร่างกายอ่อนแอ และบางที CD4 ในร่างกายของเค้า อาจจะลดต่ำจนต้องเริ่มยาแล้วก็ได้

เราเดินทางไปตรวจ CD4 กันที่คลีนิคนิรนามอีกครั้ง และกลับมารอลุ้นผลกันที่บ้านอีก 3 วัน ในที่สุดการรอคอยอันยาวนานก็สิ้นสุดลง ผล CD4 ของแฟนผมอยู่ที่ 202 ซึ่งคาบเกี่ยวกับเกณฑ์ในการเริ่มยา (ในเวลานั้น) มาก เพราะถึงแม้ตามหลักการแล้วคุณหมอจะยอมสั่งยาต้านไวรัสให้ก็ต่อเมื่อ ค่า CD4 ลดลงต่ำกว่า 250 แล้วเท่านั้น (ส่วนในปัจจุบัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เห็นชอบปรับเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัส เมื่อมีค่า CD4 ต่ำกว่า 350 แล้ว) ทว่าในความเป็นจริง ตามข้อมูลที่แฟนผมได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในเว็บบอร์ดหลายๆ คน ทุกคนให้ข้อมูลตรงกันว่า ในทางปฏิบัตินั้น คุณหมอจะยอมสั่งให้เริ่มยาต้านไวรัสได้ก็ต่อเมื่อมีค่า CD4 ต่ำกว่า 200 นอกจากนี้ จำนวน Viral Load ที่ตรวจครั้งล่าสุดก็ส่งตามมาว่า เจ้าไวรัสนั้นเพิ่มจำนวนเป็น 180,000 Copies

ประเด็นสำคัญก็คือ แฟนของผมเองก็ไม่ได้อยากจะเริ่มยาสักเท่าไหร่ ด้วยความคิดความเข้าใจ (ที่ไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไหร่) ว่า การเริ่มยาเร็วน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ทั้งกลัวเรื่องผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส ทั้งกลัวเรื่องการกินยาที่ต้องตรงตามเวลาทุกวัน ทั้งยังกังวลว่า หากร่างกายต้องรับยาติดต่อกันเป็นเวลานานหลายสิบปีจะมีผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งพอมองย้อนกลับไปแบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่า เราสองคนขาดการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องเสียจริงๆ เพราะในทางการแพทย์ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การเริ่มรับประทานยาต้านไวรัสในขณะที่ CD4 ยังสูงอยู่นั้น จะมีผลดีกว่าการเริ่มรับยาในตอนที่ CD4 ต่ำ ลองคิดดูง่ายๆ ว่า หากร่างกายเราทรุดโทรมแล้วรับตัวช่วยเข้าไป มันก็คงจะช่วยเหลือร่างกายเราได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากร่างกายเรายังไม่ได้ทรุดโทรมมาก แล้วเรารับตัวช่วยเข้าไปเสริม มันก็ยิ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมเสมอ ส่วนประเด็นเรื่องผลข้างเคียงนั้น สูตรยาใหม่ๆ ณ วันนี้ก็ถือว่า ลดอาการข้างเคียงลงได้เยอะแล้ว และยาต้านไวรัสเองก็มีหลายสูตร ซึ่งคุณหมอก็จะดูแลสั่งจ่ายยาให้ตรงกับสภาวะร่างกายของเราอย่างดีที่สุด ... สำหรับประเด็นเรื่องยาต้านไวรัสนี้ ผมคงจะได้มีโอกาสพูดถึงในตอนต่อๆ ไปแน่นอน โปรดอดใจรอ

เอาล่ะ กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ สุดท้ายคุณแฟนผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ตัดสินใจทำอะไรใดๆ (งงไหม?) โดยเค้าจะรอให้เวลาผ่านไปอีกสัก 3 เดือน แล้วค่อยมาตรวจ CD4 ใหม่อีกครั้ง ด้วยความมั่นใจว่า CD4 จะต้องขึ้นอีก เพราะการตรวจ CD4 ครั้งล่าสุดนั้น เพิ่งจะหายจากอาการงูสวัดไม่นาน เพราะฉะนั้น หากให้ร่างกายได้มีโอกาสฟื้นตัวอีกสักหน่อย CD4 ก็น่าจะขึ้น แล้วก็จะได้ยืดระยะเวลาการเริ่มยาต้านไวรัสออกไปอีก!

...

ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องรอผล CD4 กันถึงตอนหน้า ตัดฉับมา ณ เวลา 3 เดือนต่อมา ผล CD4 ของแฟนผมก็ออกมาที่ 222 เลขสวยเชียว และหลังจากเข้าไปปรึกษาคุณหมอที่คลีนิคนิรนาม คุณหมอก็แจ้งข่าวดีว่า

“ทานยาเถอะนะ CD4 ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย ค่า Viral Load ก็สูง เดี๋ยวหมอจะทำใบส่งตัวให้”

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

กลับไปอ่านตอนที่ 1 - จุดเปลี่ยน

ตอนที่ 2 - นิรนาม

ตอนที่ 3 - ลุ้น 

ตอนที่ 4 - บวกหรือลบ

ตอนที่ 5 - เซ็กซ์ของเรา รักของเรา

ตอนที่ 6 - มิตติ้งทริป

ตอนที่ 7 - เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่

ตอนที่ 8 - รับน้องใหม่

ตอนที่ 9 - คนใกล้ตัว

ตอนที่ 10 - ปิดทริป

ตอนที่ 11 - ศัพท์แสง แสนงง

ตอนที่ 12 - โครงการพิเศษ